ในวัยเด็กเราทุกคนต่างก็มีความฝัน บ้างอยากเป็นนักบินอวกาศ บ้างอยากเป็นทหารตำรวจ บ้างก็อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่ตั้งแต่ตอนไหนกันนะ ที่ความฝันของเรามันค่อย ๆ เลือนลาง จนแทบจะจำไม่ได้ว่าเราเคยมีฝันที่แสนวิเศษแบบนั้น
เพราะเมื่อเติบโตขึ้นมา การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทำให้ได้รู้ว่าบางครั้งสิ่งที่ชอบอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ใช่ หลายคนจำต้องละทิ้งความฝันในวัยเด็ก และใช้ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ไปกับสิ่งที่อาจจะไม่ได้ชอบ ชีวิตแต่ละวันดำเนินไปอย่างเรื่อยเปื่อย จนแทบจะรู้สึกหมดไฟ และต้องหาแรงบันดาลใจในแต่ละวัน
แล้วแรงบันดาลใจของคุณมาจากไหนกันล่ะ? หนังสือ? พอดแคสต์? หรือจะเป็นการพักผ่อนดูซีรีส์ ถ้าเป็นการดูซีรีส์ Start Up ก็อาจเป็นหนึ่งในคำตอบของคุณ เพราะซีรีส์เรื่องนี้จะกล่าวถึงเส้นทางชีวิตของเหล่าตัวละครที่ต้องล้มลุกคลุกคลานเพื่อเติบโต เช่นเดียวกับการประกอบร่างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งทั้งสองอย่างต่างต้องผ่านพ้นเพื่อค้นพบไม่ต่างกัน
อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ต้องการจะมาสปอยซีรีส์หรือมาเล่าเนื้อเรื่องของซีรีส์ให้ฟัง เพียงแต่ต้องการจะสร้างแรงบันดาลใจ ผ่านซีรีส์ที่สะท้อนถึงชีวิตของหนุ่มสาวราวกับเรือที่กำลังหลงทางอยู่กลางทะเล
ถ้าพร้อมแล้วก็เชิญมารับแรงบันดาลใจดี ๆ และความอบอุ่นหัวใจ ก่อนจะกลับไปลุยในโลกแห่งความเป็นจริงกันต่อได้เลย!
Start Up ซีรีส์ที่จะช่วยจุดพลังไฟและเติมพลังใจ
ก่อนจะพูดถึงตัวซีรีส์ Start Up เราจะอธิบายให้เข้าใจถึงความหมายของคำว่า Start Up กันก่อน โดยคำว่า Start Up หมายถึง การเริ่มต้นธุรกิจของคนที่มีไอเดีย โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นในด้าน IT ทำแอปพลิเคชัน หรือคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบ
โดยจะเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดด อย่าง Facebook ก็ผ่านการเป็น Start Up มาก่อน แล้วการเข้าไปใน Silicon Valley ก็เปรียบได้กับการแสดงความสามารถ เปิดแผนธุรกิจให้นักลงทุนต่าง ๆ ที่อยู่ในนั้น เลือกที่จะลงทุนให้เรา มีการแข่งขัน ประเมินความเสี่ยง ความน่าจะเป็นในการทำกำไร ซึ่งในบทซีรีส์ทำให้เราเข้าใจธุรกิจประเภทนี้ได้ไม่ยาก
โดยเรื่องราวโดยย่อของซีรีส์จะมีตัวเอกอยู่ 4 คน ที่เป็นตัวแทนเด่น ๆ ของหนุ่มสาวมากมายที่อยากจะเปิดธุรกิจ Start Up เริ่มจาก
ซอดัลมี (แพซูจี) หญิงสาวที่มีความฝันอยากเป็นสตีฟ จอบส์เกาหลี พ่อแม่หย่ากัน พี่สาวเลือกไปอยู่กับแม่ ส่วนเธอเลือกอยู่กับพ่อและย่า แม่ของซอดัลมี แต่งงานกับสามีใหม่ฐานะร่ำรวย ทำให้พี่สาวเปลี่ยนชื่อจากซออินแจเป็น วอนอินแจ (คังฮันนา) และย้ายตามแม่ไปอยู่อเมริกา
ทำให้ย่าหาทางปลอบประโลมความว้าเหว่ของหลานสาว ด้วยการขอให้ ฮันจีพยอง (คิมซอนโฮ) เด็กหนุ่มจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ย่าช่วยเหลือไว้ ด้วยการให้เขาเขียนจดหมายคุยกับหลานสาวของตัวเอง
เป็นเพื่อนทางจดหมายในยามที่เธอไม่มีใคร โดยใช้ชื่อของนัมโดซาน (นัมจูฮยอก) เด็กนักเรียนที่ได้รับรางวัลอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ เวลาผ่านไปทุกคนโตขึ้นและมีความฝัน โดยอยากเริ่มต้นธุรกิจ ดราม่าซับซ้อนเกิดขึ้นพร้อมกับไฟในการทำงานที่ลุกโชน
ซอดัลมีทำงานพาร์ทไทม์มากมากมาย และยังไม่เคยได้รับการบรรจุเป็นพนักงานสักที ส่วนนัมโดซาน เป็นเจ้าของบริษัท Samsan Tech แต่บริษัทไม่ประสบความสำเร็จ
จนวันหนึ่งเมื่อเขาได้พบกับ ซอดัลมี ที่ถือว่าเขาเป็นรักแรก ทำให้เขาอยากเปลี่ยนความเข้าใจผิดของซอดัลมีให้เป็นเรื่องจริง ทางด้านพี่สาวอย่างวอนอินแจ เป็นประธานบริษัทของพ่อเลี้ยง แต่ไม่มีหุ้นแม้แต่วอนเดียวในบริษัท
ทำให้ทั้งสามคนอยากพิสูจน์ตัวเองด้วยการเริ่มต้นธุรกิจ Start Up ที่ Sand Box เช่นเดียวกับฮันจีพยอง ที่เริ่มต้นทำธุรกิจ Start Up เพื่อหวังจะทดแทนบุญคุณ จนเป็นหัวหน้าทีมที่ SH Venture Capital และได้ชื่อว่า Gordon Ramsay แห่งวงการลงทุน
ซอดัลมีรวมทีมกับแก๊ง Samsan Tech เข้าแข่งขันเป็นหนึ่งในทีมสตาร์ทอัพหน้าใหม่ประจำปีของ Sandbox และเมื่อพวกเขาพิสูจน์ได้ว่ามีไอเดียและฝีมือไม่ธรรมดา Samsan Tech ที่มี CEO เป็นซอดัลมีก็เริ่มต้นสานฝันธุรกิจนับจากนั้น
เมื่อเข้าใจความหมายของคำว่า Start Up และเรื่องราวโดยย่อแล้ว เราก็จะเข้าสู่เรื่องของซีรีส์ โดยตัวซีรีส์ได้แสดงให้เห็นว่า แม้ว่าต้นทุนชีวิตของแต่ละคนจะแตกต่างกัน แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ตัวตัดสินอนาคตว่าเราจะประสบความสำเร็จไม่ได้
ต่อให้เก่งกาจหรือฉลาดขนาดไหน แต่เป็นไปไม่ได้ที่เราจะเก่งไปทุกเรื่อง การยอมรับในสิ่งที่ตัวเองขาด และเลือกทำงานเป็นทีมกับคนที่ถูกต้องต่างหากที่จะทำให้ผ่านพ้นปัญหาตรงหน้าไปได้
ตัวละครหลักในซีรีส์ต่างมีส่วนที่เว้าแหว่ง ผิดพลาด และเจ็บปวดแตกต่างกันไปตามภูมิหลังชีวิตของแต่ละคน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทุกคนใช้ประโยชน์จากความเป็นหนุ่มสาวของตัวเอง ในวัยที่ยังกระตือรือร้น
แม้จะล้มหรือทำพลาดก็ยังมีแรงลุกขึ้นใหม่โดยไม่ยอมแพ้ ซึ่งความยากลำบากเหล่านี้ได้กลายเป็นภูมิต้านทานที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการแก้ปัญหา และทำให้ภาพความฝันของพวกเขาค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
โดยเฉพาะในวงการ Start Up ที่แม้ภาพภายนอกจะดูสวยหรู แต่ไม่มีใครรู้ว่ากว่าพวกเขาจะมาอยู่ในจุดที่ผู้คนมองเห็นนั้นต้องผ่านอะไรมาบ้าง ซึ่งในบางช่วงบางตอนของซีรีส์ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากที่สตาร์ทอัพต้องพบเจอแทรกเอาไว้ในหลาย ๆ ฉากด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ซีรีส์ Start Up ยังให้ความรู้ไม่ต่างจากการอ่านหนังสือวิธีทำธุรกิจเกิน 10 เล่ม โดยจะแฝงความรู้ไว้ผ่านชื่อตอน ยกตัวอย่างเช่น
- ตอน 1 Start-Up กล่าวถึงการเริ่มต้นธุรกิจใหม่โดยใช้เทคโนโลยีและแนวคิดใหม่ ๆ
- ตอน 2 Family Friends Fools มีเพียงครอบครัว เพื่อน คนโง่ เท่านั้นที่กล้าลงทุนให้กับสตาร์ทอัพหน้าใหม่
- ตอน 3 Angel นักลงทุนที่ให้คำแนะนำทางธุรกิจและสนับสนุนเงินให้สตาร์ทอัพที่เพิ่งเริ่มต้น
- ตอน 4 Sand Box สนามเด็กเล่นที่เททรายไว้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ โดยในมุมของธุรกิจจะหมายถึงสภาพแวดล้อมเพื่อการทดสอบและพัฒนา หรือระบบที่ช่วยยืดเวลาจนกว่าสินค้าจะถูกปล่อยออกมา
- ตอน 5 Hackathon คำผสมระหว่าง “แฮกกิ้ง” และ “มาราธอน” กิจกรรมที่ผู้แข่งขันรวมทีมกัน สร้างโมเดลธุรกิจในเวลาจำกัด
ซีรีส์ยังสอนบทเรียนชีวิตและให้แรงบันดาลใจผ่านคำพูดและการกระทำของตัวละคร ทำให้เราได้เติบโตและเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับตัวละคร ดังนี้
อย่ากลัวที่จะล้ม
ซีรีส์นี้จัดทำขึ้นใน Silicon Valley ของเกาหลีใต้ที่มีชื่อว่า “Sandbox” ซึ่งเป็นระบบที่เริ่มต้นที่ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายใหม่
แนวคิดนี้เกิดจาก Sandbox เพื่อช่วยให้ผู้ที่อยู่บนชิงช้าไกวได้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากพวกเขาตกลงมาทรายจะป้องกันไม่ให้พวกเขาบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงไม่ใช่ทุกคนที่จะมี Sandbox ในชีวิตเพื่อป้องกันไม่ให้ตกและได้รับบาดเจ็บ แต่เราไม่จำเป็นต้องกลัวที่จะบินเสมอไป พ่อของนางเอกเป็นตัวอย่างที่สำคัญของเรื่องนี้ ในฐานะผู้ประกอบการที่ดิ้นรนและใฝ่ฝันที่จะทำทุกอย่างให้สำเร็จ ในตอนแรกไม่มีใครเชื่อในตัวเขาแต่ตัวเขาเองเชื่อและไม่เคยกลัวที่จะล้มหรือผิดพลาด
การได้ยินความจริงที่เย็นชา ดีกว่าคำโกหกเสมอ
แม้ว่านัมโดซาน (พระเอก) และฮันจีพยอง (พระรอง) จะโกหกซอดัลมี (นางเอก) ด้วยความตั้งใจที่ดี ที่จะไม่ให้เธอได้รับความเจ็บปวด แต่คำโกหกของพวกเขาก็ทำร้ายตัวเขาเองแล้วก็ยังทำร้ายซอดัลมีด้วย
ด้วยเหตุนี้เธอจึงเริ่มตั้งคำถามกับทุกสิ่งที่เธอคิดว่าเธอรู้ ดังนั้นโปรดจำไว้เสมอว่าความจริงที่เย็นชามักจะดีกว่าคำโกหกเสมอ
การทำตามความฝันถือเป็นความเสี่ยงครั้งใหญ่แต่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่คุ้มค่าเสมอ
นัมโดซานเคยไปขอลายเซ็นนักเบสบอลชื่อดังที่มีเขียนว่า “Follow Your Dream” นัมโดซานได้รวบรวมความกล้าและไล่ล่าความฝันด้วยการเป็นซีอีโอ
บ่อยครั้งการทำตามความฝันของคุณอาจเป็นเรื่องที่น่ากลัวเนื่องจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้น แต่แน่นอนมันเป็นการเดินทางที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าในที่สุด การฉกฉวยช่วงเวลานั้นดีกว่าที่จะใช้เวลาทั้งชีวิตสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน
พยายามอย่าเสียใจกับสิ่งที่คุณเลือกเพราะทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับคุณ
ชีวิตของซอดัลมีอาจแตกต่างไปจากเดิมมาก หากเธอเลือกที่จะอยู่กับแม่แทนที่จะให้อยู่กับพ่อ ส่วนวอนอินแจพี่สาวของเธอคิดมาตลอดว่าเธอได้ตัดสินใจถูกต้องแล้วในการเลือกอยู่กับแม่และใช้ชีวิตตามพ่อเลี้ยงของเธอ
แต่ซอดัลมียังคงแน่วแน่ในการตัดสินใจของเธอและแม้ว่าชีวิตจะไม่ง่ายแต่เธอก็ไม่เคยแสดงความเสียใจที่เลือกอยู่กับพ่อของเธอ
เหล่านี้ล้วนเป็นข้อคิดและแรงบันดาลใจที่ได้จากซีรีส์ แต่นอกจากนี้ยังมีเรื่องความอบอุ่นหัวใจที่แฝงมาในซีรีส์ ทำให้ซีรีส์เรื่อง Start Up กลายเป็นซีรีส์ที่ครบรส และช่วยเติมทั้งพลังใจและพลังไฟให้คุณอย่างแน่นอน
ความอบอุ่นจากซีรีส์
ความอบอุ่นของตัวซีรีส์เกิดจากความรักและความสัมพันธ์ในครอบครัวอันแน่นแฟ้นของเหล่าตัวละครหลัก ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อสร้างความสุขให้แก่กันและกัน ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่น่าปลื้มใจระหว่างตัวละครคุณย่ากับฮันจีพยอง (พระรอง)
โดยเป็นความรักฉันเพื่อนมนุษย์ ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ ทำให้เกิดความซาบซึ้ง นอกจากนี้ฮันจีพยองก็เป็นตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียวอย่างน่าทึ่ง เพราะตัวละครฮันจีพยองเป็นเด็กกำพร้า
หรือทางครอบครัวของนัมโดซาน (พระเอก) ที่พ่อแม่ตั้งความหวังไว้สูง แต่ก็ไม่สามารถทำสำเร็จเลยสักครั้ง อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ก็ยังพร้อมจะอยู่เคียงข้างลูก และคอยให้การสนับสนุนรวมถึงซัพพอร์ตอยู่ตลอดเวลา
ความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อน ก็เป็นอีกหนึ่งความสัมพันธ์ที่อบอุ่นหัวใจ เพราะเป็นกลุ่มเพื่อนที่เริ่มต้นมาด้วยกันและทำให้รู้ว่าเพื่อนที่ดีที่สุดจะต้องผ่านบททดสอบเวลา
และอีกมิตรภาพที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักของซีรีส์เรื่องนี้ก็คือความห่วงใยอย่างแท้จริงของซอดัลมีที่มีต่อฮันจีพยอง ที่คอยดูแลและห่วงใยเขาแม้พวกเขาจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดก็ตาม
สรุปส่งท้าย
ตัวซีรีส์ได้สะท้อนมุมมองต่าง ๆ ให้เห็นมากมาย อีกทั้งยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้มีไฟลุกขึ้นมาวิ่งตามความฝันต่ออีกครั้ง และช่วยทำให้หัวใจที่แห้งเหี่ยวกลับมามีชีวิตชีวาด้วยความอบอุ่น
สุดท้ายนี้ เราก็อยากจะส่งท้ายกันไปด้วยประโยคสุดฮิตจากซีรีส์ Start Up อย่าง Follow Your Dream ที่แม้จะเป็นประโยคธรรมดา ๆ แต่จะมีสักกี่คนที่ได้ลองลงมือทำตามความฝันของตัวเอง ความฝันที่เรามีอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตก็เป็นได้
ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยความสำเร็จก็จะเท่ากับ 0% แต่ถ้าเริ่มลงมือแล้ว โอกาสทำสำเร็จอย่างน้อยก็เพิ่มมา 1% อย่างแน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก