Home
|
บันเทิง

 “อีฟ พุทธธิดา”เผย “น้องมีบุญ” คือยาวิเศษกำลังใจหลัก “พ่อต้อย” สู้มะเร็งปอด

Featured Image

ออกมาอัปเดตอาการป่วยมะเร็งปอดของพ่อต้อย เศรษฐา ที่รักษามาสักระยะแล้ว สำหรับอีฟ พุทธธิดา โดยเจ้าตัวเผยในงานเปิดตัวแบรนด์ DIMENSION ของ CHATEAU DES GEMS ณ ลานกิจกรรม ICONLUXE Gallery ชั้น 1 ICONSIAM ว่าคุณพ่อเข้ารับคีโมทุกเดือน และเหลือทำอีก 2 ครั้ง โดยทั้งนี้ทั้งนั้น ก็จะต้องดูตามอาการ ซึ่งผลข้างเคียงจากการให้ยามีน้อยกว่าเมื่อก่อนมาก ตอนนี้แข็งแรงทั้งกายและใจ โดยได้กำลังใจดีจาก น้องมีบุญ ลูกชายของตนที่เหมือนเป็นยาวิเศษทำให้คุณพ่อมีแรงและมีกำลังใจ พร้อมเผยคุณพ่อคิดถึงงานวงการบันเทิง เชื่ออีกไม่นานจะได้กลับมาเจอกับแฟนๆแน่นอน ถามถึงอาการคุณพ่อหน่อย ? “ อาการคุณพ่อตอนนี้ก็ดีขึ้นมากนะคะ ดีขึ้นตามลำดับ แล้วก็ได้ยาเม็ดใหญ่ ใหญ่มาก มีบุญ (ลูกชาย) จะ 2 ขวบแล้ว คุณตาก็ป่วยเกือบจะ 2 ปี พอดี คุณพ่อก็ยังไปในทิศทางที่ดี ดูอาการดีขึ้นเรื่อยๆ ใครที่เจอก็จะพูดว่าไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณพ่อจะไม่สบาย ก็ต้องขอบคุณทุกท่านจริงๆ ที่ให้ความรักแล้วก็ความเป็นห่วงคุณพ่อ แล้วก็ครอบครัวของเรา ไปที่ไหนก็จะมีแต่คนถามว่า เป็นยังไง ดีขึ้นไหม ใช้วิธีอะไรบ้าง มีเทคนิคให้กันอยู่เรื่อย ที่สำคัญให้กำลังใจครอบครัวด้วย ทั้งอี๊ฟ แล้วก็คุณแม่ ต้องขอบคุณทุกคนมากๆ “ แสดงว่าน้องมีบุญคือยาดีเลย ? “ ยาวิเศษค่ะ เพราะว่าปกติคนป่วยก็จะป่วย แต่เวลาอยู่กับหลาน เขาจะไม่มีความป่วยเลย เขาอุ้มเด็ก 14 กิโล แบบเหมือนตัวเองไม่ป่วย เพราะอี๊ฟเป็นแม่ อุ้มลูกเองยังเจ็บสะบักเลย ก็ไม่รู้พ่ออุ้มได้ไง อุ้มเดินไป เดินมา ทำโน้น ที่นี่ อุ้มขึ้น-ลง บันไดก็อุ้มนะคะ คือเราก็พูดกับเขาเสมอว่า พ่อไม่มีอะไหล่แล้วนะ รุ่นนี้อะไหล่เขาเลิกผลิตแล้ว มีบุญเขายังซ่อมตัวเองได้อยู่ ก็อยากให้เขาทำอะไรก็ระวังตัวเองมากๆ ถึงจะด้วยทำได้ด้วยพลังใจ ก็ไม่อยากให้เบียดเบียนพลังกายมากเกินไป “ น้ำหนักที่ลดลงไปเยอะต้องขุนให้กลับมาเท่าเดิมไหม ? “ จริงๆขึ้นมาแล้วนะคะ ช่วงแรกๆ หายไปประมาณ 12 โล ตอนนี้ดีดขึ้นมาครึ่งทางแล้ว ซึ่งโดยโรคและการรักษา ถ้าใครมีญาติ หรือคนในบ้านป่วยเป็นโรคนี้ก็จะเข้าใจว่า หลังการรักษาโดยการคีโม ผู้ป่วยจะกินไม่ค่อยได้ ซึ่งคุณพ่อและหลายคน ก็จะเอาใจใส่ในการทาน ทำให้ข้อจำกัดในการทานอาหารน้อยลง แต่ทางบ้านก็พยายามคัดสรร แล้วก็เลือกสิ่งที่คุณพ่อทานได้ดี ให้เขาทาน แล้วก็ไม่ได้ตีวง ข้อจำกัดมากจนเกินไป จนเขารู้สึกว่าเขาเป็นทุกข์ เพราะว่าสิ่งสำคัญมากที่จะต่อสู้กับโรคนี้ได้คือความสุข ความมีเป้าหมาย ที่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ป่วยอยากต่อสู้กับมัน เพราะฉะนั้นเราก็ต้องให้กำลังใจกัน ไม่บีบรัดตัวเขามากจนเกินไป “ ตอนนี้ให้ยาถึงขั้นไหนแล้ว ? “ คุณหมอแจ้งว่า เหลืออีก 2 ครั้ง เราก็ต้องรอดูก่อนว่าเป็นยังไงบ้าง ถ้าหยุดยาแล้ว ทุกอย่างก็ต้องดูไปตามอาการ พอมีปัจจัยความเสี่ยงอื่นๆเพิ้มขึ้น เช่น โควิด เราก็ต้องระวังกันมากขึ้น คุณหมอก็จะให้ความเอาใจใส่ในเรื่องของการดูแลในชีวิตประจำวัน เพราะชีวิตประจำวันส่งผลเยอะ “ ทีมแพทย์ที่รักษาว่าไงบ้าง? “ทีมแพทย์แฮปปี้ ตอนแรกคุณหมอค่อนข้างเครียด เพราะอย่างที่ทราบคุณพ่อเป็นระยะ 4 แล้ว และด้วยอายุของเขาเอง มันค่อนข้างต้องลุ้น แต่จากผลการรักษาที่ผ่านมา คุณหมอเก่งมากๆ เราทำงานเป็นทีม ผู้ป่วยให้ความร่วมมือกับหมอและคนที่บ้าน เขามีความสุขไหมกับสิ่งดีๆ ที่เรามอบให้” ตอนนี้ให้ครีโมมากี่ครั้ง? “ก็ให้ทุกเดือน ไม่ได้แพ้ อาการข้างเคียงมันน้อย แต่ไม่ใช่ไม่มี อาการกินข้าวได้น้อยคือเรื่องปกติ ตัวเหลืองนิดหน่อยหลังการให้ยา 10 วัน” คุณพ่อคิดถึงวงการไหม? “คิดถึงนะ เขาคิดถึงเพื่อนฝูง คิดถึงการทำงาน ยังไม่ได้หยุดการทำงาน แพลนกำลังจะกลับมาทำงานใหม่ คุณหมอไม่ได้ห้าม อยู่ที่คนไข้ว่าเขาไหวแค่ไหน คนต้องประเมินตัวเองให้ได้ว่าตัวเองไหวแค่ไหน ท่านกลับมาทำงานได้แต่ไม่หักโหม ก็ทำละคร ทำเบื้องหลังเป็นผู้จัด ส่วนถ้าได้ทำรายการใหม่ก็จะเห็นเป็นแนวครอบครัว ส่วนเรื่องร้องเพลง เขาแพลนแล้วว่าถ้าไม่มีโควิด มีวัคซีนแล้ว เขาแพลนที่จะจัดคอนเสิร์ต อย่างร้านอาหารเราคุณพ่อก็ไปเฝ้าร้านอาหาร คอยรับแขก ก็มีคนมาขอให้คุณพ่อร้องเพลงให้ฟัง พ่อบอกว่าขอให้หายก่อนครับ จัดคอนเสิร์ตแน่นอน คุณพ่อเขาอยากทำงาน เพราะถ้าอุ้มหลานได้ก็น่าจะทำงานได้เนอะ (ยิ้ม)” ตัวเราว่ายังไง? “ก็ไม่ได้ห้ามนะ แต่สิ่งที่กังวลคือปัจจัยอื่นๆ ที่เราควบคุมไม่ได้ เพราะคนที่เป็นโรคนี้และให้ครีโมจะเผชิญกับภูมิคุ้มกันต่ำ แทบจะไม่มีภูมิ เขาจะมีความเสี่ยงมากกว่าคนปกติ เราจะกังวลเรื่องนี้มากกว่า แต่โดยรวมดี เพราะย่ออุ้มหลานจากพื้น อุ้มขึ้นมา แค่นี้เราก็รู้สึกดี”  

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube