เปิดใจนักร้องป้ายแดง! “อ๊อด วีรภัทร์” ดีกรีแชมป์มาสเตอร์คีย์ 2 สมัย จากเด็กวัดชีวิตพลิกมีซิงเกิลเป็นของตัวเอง
ชวนทำความรู้จัก “อ๊อด วีรภัทร์” นักร้องเบอร์ใหม่ป้ายแดง ดีกรีแชมป์รายการมาสเตอร์คีย์ 2 สมัย จากเด็กวัด เป็นแค่นักร้องรถแห่ ไม่มีใครให้โอกาส ทำใจหน้าตาทรงโจร หุ่นเหมือนคนติดยาจนโดนตำรวจเรียกตรวจฉี่ทุกด่าน ชีวิตพลิก!คุณพระช่วยได้ออกซิงเกิลมีเพลงเป็นของตัวเอง ภูมิใจไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ฝันมีชีวิตที่ดีขึ้นเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง เพราะต้นทุนชีวิตคนเราไม่เท่ากัน เช่นเดียวกับ “อ๊อด วีรภัทร์ สมศรี” นักร้องนำวง “หนุมานแบนด์” เจ้าของซิงเกิลใหม่ที่กำลังฮิต “FC ด่านตรวจ” ที่กว่าจะมีวันนี้เจ้าตัวเผยเคยเป็นเด็กวัดและรับจ้างร้องเพลงให้รถแห่งานบวชงานบุญไปหมด แม้เจ้าตัวจะมีประสบการณ์ร้องเพลงมาอย่างโชกโชน ตระเวนเดินสายประกวดร้องเพลงหลายเวที และเคยชนะการประกวดร้องเพลงในรายการมาสเตอร์คีย์ ทางช่อง 3 ได้เป็นแชมป์ถึง 2 ซีซั่น การันตีว่าเสียงดีแน่นอน แต่เพราะรูปร่างหน้าตาทรงโจรเป็นอุปสรรค เลยมักโดนใครต่อใครแซวว่า “หน้าเฮียๆ” เหมือนคนติดยามากกว่าจะเป็นนักร้อง! ความหวังที่จะได้เป็นนักร้องมีซิงเกิลเป็นของตัวเองเหมือนคนอื่นจึงริบหรี่ กระทั่งวันหนึ่งชีวิตพลิก “อ๊อด วีรภัทร์” ได้รับความเมตตาจากมูลนิธิหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ให้โอกาสสานฝันให้เป็นจริง ซึ่งมูลนิธินี้จะส่งเสริมในด้านศิลปะการแสดงและวัฒนธรรม รวมถึงช่วยเหลือเรื่องการศึกษาให้กับคนยากไร้อยู่แล้ว โดย “อ๊อด” เผยว่าตนเองนั้นเป็นลูกศิษย์พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม) ที่ผ่านมาเข้า-ออกวัด คอยรับใช้และช่วยงานทุกอย่างที่ทำได้ เวลาไม่มีงานไม่มีเงินกินข้าวก็จะมาขอข้าวที่วัดกิน ยิ่งช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ระบาดหนัก ทำให้งานจ้างหายเกลี้ยงจนไม่มีเงินเหลือ ทางมูลนิธิหลวงพ่อพูลที่ช่วยเหลือคนที่ลำบากอยู่แล้วได้หยิบยื่นโอกาสให้ ด้วยการสนับสนุนผลักดันจนได้ทำเพลงเป็นของตัวเอง รวมตัวกับน้องๆ เด็กวัดที่มีความสามารถด้านดนตรีมาตั้งวง “หนุมานแบนด์” มีสมาชิกคือ “โอ-ภาคภูมิ จิ๋วแก้ว” นักร้อง, “มีน-ตฤณวรรษ วงศ์สวรรค์” มือกีต้าร์, “แบงค์-ลีนวัฒน์ ศรนุวัตร” มือเบส และ “เท่ห์-ณัฐกิจ สระทองไลย์” ตำแหน่งคีย์บอร์ด ซึ่ง “อ๊อด วีรภัทร์” ในฐานะนักร้องนำ ได้เผยด้วยความภูมิใจที่ตนเองมีวันนี้ “ก่อนที่จะได้มาออกซิงเกิล ผมเป็นนักร้องรับจ้างตามงานต่างๆ แล้วก็เป็นนักร้องในวงรถแห่ครับ ช่วงโควิดงานไม่มีเลย ทำให้ไม่มีเงินเลย ซึ่งการได้ออกซิงเกิลเป็นของตัวเองครั้งนี้ ผมได้รับความเมตตาจากมูลนิธิหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ซึ่งมูลนิธินี้จะส่งเสริมในด้านศิลปะ การแสดงและวัฒนธรรมอยู่แล้ว จริงๆ ส่งเสริมทุกด้านทั้งในเรื่องให้ทุนการศึกษาด้วย หรือโรงเรียนไหนขาดอุปกรณ์การเรียนมาขอทางมูลนิธิก็จะช่วยหมด ถ้าใครเดือดร้อนมาพึ่งพิงเขาก็พร้อมช่วยเหลือ แล้วส่วนตัวผมเป็นลูกศิษย์ของหลวงพี่น้ำฝนอยู่แล้ว ผมเป็นคนนครปฐมนับถือหลวงพูลมาก่อนอยู่แล้ว ทำให้มาขลุกอยู่ที่วัดบ่อย มาช่วยงานหลวงพี่น้ำฝน แล้วแต่หลวงพี่จะใช้ให้ทำอะไร ผมก็ทำทุกอย่าง พูดง่ายๆ เป็นเด็กวัดนี่แหละครับ” “ช่วงโควิดพอไม่มีงาน เงินเก็บก็หมด รายได้เป็นศูนย์เกือบ 3 เดือน แล้วผมมีภาระทางบ้านต้องส่งเงินให้พ่อแม่ด้วย ช่วงนั้นขัดสนจริงๆ ผมก็เลยมาหาหลวงพี่น้ำฝน มาขอข้าววัดกิน มาอาศัยวัดไผ่ล้อม หลวงพี่สงสารให้เงินมาเป็นทุนยังชีพ ที่วัดนี้เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองที่ให้โอกาส และไม่ใช่แค่ผม แต่มูลนิธิหลวงพ่อพูลเขาช่วยคนที่เดือดร้อนทุกคน พอมาหาหลวงพี่ ท่านก็เห็นว่าผมเป็นนักร้องอยู่แล้วก็เลยอยากส่งเสริมให้ผมมีอาชีพ โดยความดูแลของมูลนิธิหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ก็เลยเกิดเป็นซิงเกิลเพลง FC ด่านตรวจ ครับ” เผยที่มาของเพลง FC ด่านตรวจ เขียนจากชีวิตจริง ทำนองสนุกฟังแล้วเชื่อว่าอยากเต้นตาม “เพลงนี้แต่งจากชีวิตจริงผม คือเวลาวงรถแห่นัดซ้อมดนตรี ผมจะมาสายกว่าคนอื่นเกือบทุกครั้งจนโดนหลวงพี่น้ำฝนเรียกมาสั่งสอนเป็นประจำว่าทำไมมาช้า ที่มาสายไม่ใช่ว่าผมเหลวไหล แต่เพราะผมโดนตำรวจที่ด่านเรียกตรวจฉี่ครับ แล้วโดนแบบนี้ทุกด่านจนเป็นเรื่องปกติ ผมก็จะบอกหลวงพี่ครับโดนอีกแล้ว หลวงพี่ก็เลยผุดไอเดีย และให้พี่โจ สูงเนิน ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพี่ที่เป็นนักแต่งเพลงอยู่แล้วมาแต่งเพลงนี้ให้ ก็เลยออกมาเป็นเพลง FC ด่านตรวจ ครับ” “ผมโดนเรียกตรวจทุกด่านจนชิน ตอนแรกๆ ก็น้อยใจเพราะเราไม่ได้เสพยาทำไมเขาถึงตัดสินเราแค่รูปลักษณ์ภายนอก อาจจะเป็นเพราะหน้าตาผมเหมือนคนติดยา ผอม หน้าเฮียๆ ก็เข้าใจพี่ๆ ตำรวจครับ เพราะขนาดคนอื่นยังถามเลยมึงเป็นเอเย่น หรือเสพ (หัวเราะ) เนื้อเพลงก็จะมีท่อนนึงที่ร้องว่า หน้าเหียกๆ เธอคงไม่อยากเรียกแฟน ไม่กล้าเดินควงแขน กับคนหน้าตาทรงโจร หรือท่อนที่บอกว่า หน้าเฮียๆ เงินในบัญชีมีพร้อมจะโอน หรือจะเป็นท่อนนี้ที่ร้องว่า ไปไหนก็โดนตรวจฉี่ คนดีเข้าใจพี่ด้วย บอกแล้วผมไม่ได้เสพ ฉี่ผมก็ไม่ได้ม่วง นั่นคือทุกท่อนมาจากชีวิตจริงผมเลยครับ (หัวเราะ)” “โดยเลย ครั้งแรกที่เห็นเพลงนี้ผมชอบมาก ทั้งเนื้อหาและทำนองเพลงมันสนุก คนฟังแล้วอยากเต้นตาม มันใช่เลยครับ มันเป็นตัวตนของผมเลย ทำให้รู้สึกว่ามันเป็นเพลงของเราจริงๆ มันทำให้ร้องง่ายขึ้น เราอินกับมัน (แต่ยืนยันว่าไม่เคยเสพยาเสพติดใช่มั้ย?) ไม่ได้เสพยาครับ แต่ต่อให้เพลงออกไปแล้วจะยังมีด่านขอตรวจอีกผมก็ยินดีให้ตรวจครับ ผมคงโดนตรวจตลอดชีวิตแหละ (หัวเราะ)” เตรียมติดต่อ “โรเบิร์ต สายควัน” มาเป็นพระเอกเอ็มวี แต่อีกฝ่ายเสียชีวิตก่อนที่จะมีการพูดคุยกัน งานนี้จัดเต็มใช้แดนซ์เซอร์ของ “ปิ๋ม ซีโฟร์” แซบเวอร์ “ถ่ายเอ็มวีเรียบร้อยแล้วครับ เพลงปล่อยใน YouTube แล้ว ตอนแรกพระเอกเอ็มวีเราวางพี่โรเบิร์ต สายควัน ไว้ แต่พี่เขาจากไปเสียก่อน เหตุผลที่อยากร่วมงานกับพี่โรเบิร์ตเพราะเนื้อหาเพลงด้วย แล้วพี่เขาก็เป็นลูกศิษย์หลวงพี่น้ำฝนด้วย ผมไม่ได้มองคนอื่นไว้แทนพี่เขาเลย ผมก็เลยเล่นเอ็มวีนี้เองครับ ส่วนแดนซ์เซอร์เป็นแดนซ์เซอร์ของพี่ปิ๋ม ซีโฟร์ น้องๆ เซ็กซี่มาก เพลงนี้นอกจากนักร้องนำและนักดนตรีจะเป็นเด็กวัดแล้ว คนที่เล่นในเอ็มวีก็เป็นเด็กวัดหมดเลย คนที่ทำให้ก็เป็นลูกศิษย์วัดทั้งนั้นครับ” ดีกรีไม่ธรรมดาเคยประกวดร้องเพลงรายการมาสเตอร์คีย์ เป็นแชมป์ 2 สมัย “ผมเคยไปประกวดร้องเพลงรายการศึกวันดวลเพลง ช่องวัน 31 เมื่อหลายปีก่อนแต่ไม่ชนะครับ หลังจากนั้นผมก็ได้ไปประกวดร้องเพลงในรายการมาสเตอร์คีย์ ช่อง 3 ซีซั่นนั้นผมไปเป็นวงกับเพื่อน 4 คนครับ วงเราชนะ ครั้งนั้นผมร้องเพลง สาริกาไร้รัง ซึ่งเป็นเพลงที่ค่อนข้างสร้างชื่อให้กับผม แล้วทางรายการบอกว่ายอดวิวเยอะที่สุดในซีซั่นนั้นเลย เป็นเจ้าของสถิติยอดวิวสูงสุดในซีซั่นนั้นครับ ผมว่าคงเป็นเพราะบรรยากาศในรายการสนุกด้วยคนเลยดูเยอะ” “วันนั้นคณะกรรมการมีพี่เอ(ไชยา มิตรชัย), พี่ตั๊ก(ศิริพร อยู่ยอด) และ พี่คัฑลียา มารศรี ซึ่งพี่ตั๊กแซวผมว่า ทรงอย่างนี้ไม่เสพก็ขาย (หัวเราะ) ผมก็ฮาๆ ไม่โกรธพี่ตั๊กเลยเพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมโดนแซวแบบนี้ ส่วนพี่เอก็บอกว่า หน้าตาไม่น่าร้องเพลงเพราะ (หัวเราะ) การที่โดนแซวแบบนี้บ่อยๆ ผมไม่ได้มองว่าเป็นปมด้อย แต่มองว่าเป็นจุดขายของตัวเองมากกว่า เราต้องยอมรับความจริงว่าเราเกิดมาเป็นแบบนี้ แล้วหลังจากนั้นผมก็ตัดสินใจไปประกวดรายการมาสเตอร์คีย์อีกครั้ง ซึ่งก็ชนะได้เป็นแชมป์สมัยที่ 2 ครับ แต่ครั้งนี้ไปคนเดียว ไม่ได้ไปเป็นวงเหมือนครั้งแรก เพลงที่ผมร้องประกวดคือ เพลง ตชด.ขอร้อง คณะกรรมการมีพี่เอ ไชยา, พี่ตั๊ก ศิริพร และ พี่รงค์(จาตุรงค์ มกจ๊ก) ซึ่งพี่เอกับพี่ตั๊กเขาจำได้ว่าผมเคยมาแล้วรอบนึง” ดังจากการออกรายการทีวี แถมเป็นแชมป์ 2 สมัย แต่ไม่มีใครให้โอกาสชวนไปเป็นนักร้อง เพราะหน้าตาเหมือนคนติดยา “พอออกรายการทีวีทำให้มีคนรู้จักผมมากขึ้น เวลาไปไหนมาไหนคนจำได้เข้ามาทัก งานจ้างไปร้องเพลงก็เยอะขึ้น เขาบอกว่าเห็นไปออกรายการทีวีเลยจ้างเราไปร้องเพลง แต่ไม่เคยมีแมวมองมาชวนไปเป็นนักร้อง คงเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาด้วย คงไม่มีใครเอาครับ จนมูลนิธิหลวงพ่อพูลหยิบยื่นโอกาสให้ โดยมีเฮียยุทธและเฮียปูซึ่งเป็นผู้จัดการวงรถแห่ที่ผมทำงานอยู่ซัพพอร์ตในการทำเพลงครั้งนี้ครับ” “จริงๆ หลวงพี่น้ำฝนเคยพูดกับผมว่า ที่ท่านให้โอกาสผมเพราะดูแล้วคงไม่มีใครกล้าให้ไปทำงานด้วย ถ้าได้เป็นนักร้องมีเพลงไปร้องทำมาหากินจะได้มีอนาคตที่ดีขึ้น ถ้าไม่มีมูลนิธิหลวงพ่อพูลก็คงไม่มีใครทำให้ครับ เราหน้าตาทรงโจรด้วย หรือแม้แต่จะไปทำงานอย่างอื่นก็คงไม่มีใครรับหรอกครับ ยอมรับว่าผมหน้าตาแบบนี้ก็เป็นอุปสรรคและจำกัดโอกาสเราเหมือนกัน เอาจริงๆ ก็อยากขอโอกาส อย่าเพิ่งตัดสินเราแค่รูปลักษณ์ภายนอก ผมไม่ได้เสพจริงๆ ครับ (ยิ้ม)” ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะมีเพลงเป็นของตัวเอง ลั่นไม่ลืมตัวแน่นอนว่ามีวันนี้ได้เพราะใคร “ดีใจมากครับ ไม่คิดว่าวันนึงจะมีเพลงและมีเอ็มวีเป็นของตัวเอง ถามว่าคาดหวังกับผลตอบรับแค่ไหน ลึกๆ ผมก็อยากให้คนรู้จักพวกเราเยอะขึ้น ชอบเพลงเรา และถ้ามีงานมากขึ้นน้องๆ ในวงก็จะได้ไปต่อยอดได้เพราะหลายคนก็ร้องเพลงเพราะ และเล่นดนตรีเก่ง เด็กวัดที่ทำงานด้วยกันจะได้มีรายได้เลี้ยงตัวเองและเลี้ยงพ่อแม่ได้ ส่วนตัวผมมาถึงจุดนี้ได้ก็ภูมิใจมากครับ ต่อไปจะได้ร้องเพลงของตัวเองแล้วจากที่เมื่อก่อนร้องแต่เพลงคนอื่น” “ถ้าเป็นไปได้ก็อยากประสบความสำเร็จในเส้นทางการเป็นนักร้องอาชีพเหมือนนักร้องดังๆ คนอื่นครับ แต่อย่างนึงที่ผมไม่เปลี่ยนไปแน่นอนคือ ผมมาจากเด็กวัดที่หลวงพี่น้ำฝนให้โอกาส ความกตัญญูเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ของเด็กวัดทุกคนที่ต้องสำนึกไปตลอด ไม่เคยมีใครให้โอกาสผม แต่หลวงพี่น้ำฝนให้โอกาส ผมเห็นคุณค่าเรื่องนี้มากครับ ยังไงก็ขอฝากเพลง FC ด่านตรวจ กับแฟนเพลงทุกคนด้วยนะครับ สามารถหาฟังได้แล้วทาง YouTube (https://youtu.be/FKTyoRdpC38) หวังว่าทุกคนจะชอบ และถ้าสนใจติดต่องานโชว์สดได้ที่ เฮียยุทธ 081-6492691 ขอบคุณมากๆ ครับ”