Home
|
บันเทิงไทย

สรุปประเด็น แสตมป์ อภิวัชร์ เปิดใจ สาเหตุหายหน้าเกือบ 2 ปี พร้อมสู้คดีปกป้องภรรยา

Featured Image

          กลายเป็น แฮทแท็กดังชั่วข้าวคืนสำหรับเรื่องราวของศิลปินหนุ่มมากความสามารถ แสตมป์ อภิวัชร์ ที่ทางด้านเจ้าตัวนั้นได้ออกมาระบายความในใจถึงเรื่องที่ตนนั้นได้หายจากวงการบันเทิงมานานเกือบ 2 ปี เพราะต้องพาภรรยาไปขึ้นศาลเนื่องจากถูกบุคคลไม่หวังดีคุกคาม ข่มขู่ กล่าวหาภรรยาของตนว่าเป็นบ้า อีกทั้งพ่อคู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นนายพล ยังขู่ยัดคดีการเมือง เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ชวนอ่านสรุปไทม์ไลน์ #แสตมป์อภิวัชร์ ดังนี้

แสตมป์ อภิวัชร์

“แสตมป์ อภิวัชร์” เผยสาเหตุหายหน้าจากวงการนาน 2 ปี

 

– เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อแสตมป์เปิดใจบนเวทีคอนเสิร์ต เผยว่า สาเหตุที่ตนนั้นได้ห่างหายจากวงการบันเทิงไปถึง 2 ปี เพราะมี “บุคคลบุคคลหนึ่ง” (ต่อจากข้อนี้จะขอใช้คำว่า ‘จำเลย’) คอยตามรังควานภรรยาของเขา คอยใส่ร้าย โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับภรรยาของเขา จนทำให้คนเข้าใจผิด ทั้งในวงการเพลง และนอกวงการเพลง โดยที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน

– พฤติกรรมที่คอยตามรังควานก็เช่น หาเรื่อง ด่า ถ่ายคลิปโดยที่ภรรยาของเขาไม่ยินยอม และสร้างสถานการณ์ เอาไปโพสต์ประจานเสีย ๆ หาย ๆ และทำแบบนี้มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้ว แถมยังเคยบุกรุกเข้ามาถึงพื้นที่หลังเวที จนทำให้คุณแสตมป์รู้สึกไม่ปลอดภัย

– แต่เรื่องราวทั้งหมดเพิ่งจะมาหนักข้อขึ้นเมื่อปี 2565 เมื่อมีตัวละครอีกตัวนึงโผล่เข้ามา คือแฟนของจำเลย ซึ่งแฟนจำเลยคนดังกล่าวดันทำงานอยู่ในวงดนตรีอีกวงนึง ทำให้จำเลยมีบัตรทีมงาน สามารถเข้า-ออก พื้นที่หลังเวทีได้อย่างอิสระ

– ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่สร้าง คืออยู่ ๆ ก็มานั่งร้องไห้ข้าง ๆ ภรรยาของคุณแสตมป์ แล้วก็ถ่ายคลิปเอาไปโพสต์แต่งเรื่อง

– แต่ภรรยาของคุณแสตมป์ก็ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากให้เป็นข่าว ก็เลยใช้วิธีการหลบเลี่ยง ด้วยการไม่รับงานร่วมกับวงดนตรีที่สองคนนั้นทำงานอยู่ เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหา

– แล้วก็มีอยู่งานนึงที่บังเอิญได้มาเจอกัน และก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ คือจำเลยและแฟนมานั่งรอที่หน้าห้องพักวงดนตรีอยู่เป็นชั่วโมง พอคุณแสตมป์และภรรยามาถึงก็วิ่งเข้ามาชาร์จเลย พูดจากล่าวหาภรรยาของคุณแสตมป์ แล้วก็มีการอัดคลิปเอาไว้ ซึ่งก็งงว่าทำไปทำไม

– ภายหลังมาทราบว่าจำเลยเอาคลิปนี้ไปให้คนในวงการเพลงดู แล้วพูดว่าภรรยาของคุณแสตมป์ไปคุกคามพวกเขาโดยไม่มีสาเหตุ (เป็นที่มาของโพสต์ ที่บอกว่าภรรยาของเขาไม่ได้บ้า)

– ทำให้คุณแสตมป์ต้องไปจ้างการ์ด 2 คน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นอีก

– หลังจากนั้นแฟนของจำเลยก็ลาออกจากวงดนตรีที่ทำงานอยู่แล้วก็ย้ายไปทำงานกับอีกวงนึง คุณแสตมป์ก็เลยติดต่อไปหาวงดนตรีที่รับว่าถ้ารับเข้าทำงาน ก็ขอไม่ร่วมงานด้วย เพราะไม่อยากมีปัญหา (เป็นที่มาของโพสต์ ที่บอกว่าวงดนตรีรับ…เข้ามาทำงาน)

– ก็ปรากฏว่าหลังจากย้ายไปทำงานที่วงใหม่ ก็มีประเด็นเกิดขึ้นอีก มาดักรอถ่ายคลิป แล้วก็เอาไปบอกเล่ากับคนอื่นว่าบังเอิญมาเจอแล้วภรรยาของคุณแสตมป์ไปคุกคามโดยไม่มีเหตุผล

– แต่จากเรื่องราวนี้ก็ยังไม่ติดใจเอาความ เพราะไม่อยากมีปัญหา

– จนกระทั่งคุณแสตมป์ไปเจอว่าคู่กรณีไปดักเจอกับผู้บริหารค่ายเพลงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ณ ตอนนี้ (ทั้งคู่ไม่รู้จักกันนะ) พอได้เจอกันคู่กรณีก็ร้องไห้ และเล่าว่าโดนภรรยาของคุณแสตมป์คุกคามที่งานเฟสติวัลต่าง ๆ จนทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย

– แต่ฝ่ายผู้บริหารก็รู้สึกว่ามันไม่เมคเซนส์ ก็เลยโทรมาหาคุณแสตมป์เพื่อฟังเรื่องราวอีกด้าน ก็เข้าใจและยอมไปขึ้นศาลเพื่อเป็นพยานให้ด้วย

– คุณแสตมป์รู้สึกว่ามันหนักเกินไปแล้ว เพราะเริ่มมีคนเชื่อจริงว่าภรรยาของคุณแสตมป์เป็นคนไปคุกคามคู่กรณีก่อน ก็เลยตัดสินใจฟ้องศาล

– เรื่องก็ขึ้นศาลเมื่อปี 2567 แต่แทนที่จะจบ ดันกลายเป็นว่าหนักกว่าเดิม ทีนี้ลามมายันคุณแม่ของคุณแสตมป์ด้วย

– เพราะพ่อของจำเลยท่านหนึ่งที่อ้างว่าตนนั้น “เป็นทหารยศพลตรี” จากพิษณุโลก มาขึ้นศาลแทนลูก แล้วแบกเอกสารมาปึกใหญ่ ในเอกสารนั้นเต็มไปด้วยเรื่องของยศ ผลงานต่าง ๆ แล้วก็บอกด้วยว่าตัวเองกำลังจะบรรจุเป็นองครักษ์ แล้วก็ขอให้ภรรยาและคุณแสตมป์ถอนฟ้องลูกของตัวเองซะ ไม่งั้นจะยัดคดีทางการเมืองให้

– นอกจากนี้ยังมีเรื่องนอกศาลอีกเพียบ เช่น นายพลท่านดังกล่าวขับรถไปที่บ้านแม่ของคุณแสตมป์ บอกว่าเป็นแฟนคลับของคุณแสตมป์ ถามว่าบ้านของคุณแม่ราคาเท่าไหร่ เอาของไปให้ แล้วก็ถ่ายรูปเก็บเอาไว้

– ภรรยาของนายพลแฝงตัวเข้าไปในกรุ๊ป Open Chat ของแฟนคลับ เพื่อสืบว่าไปเล่นคอนฯ ที่ไหน แล้วก็แฝงตัวเข้าไปดูคอนเสิร์ต เหมือนพยายามแสดงตัวให้เห็นว่าจับตาดูอยู่ตลอด จนคุณแสตมป์ตัดสินใจปิด Open Chat ไปเลย

– คุณแสตมป์เล่าอีกว่า จำเลยคนนี้ติดตามคุกคามมาเป็นสิบปี ไม่ได้แค่ตามมาแค่ที่คอนเสิร์ต แต่ตามไปถึงหน้าโรงแรม ปั๊มน้ำมันที่แวะ หนักสุดคือไปนั่งบนเครื่องบินที่นั่งข้าง ๆ กันเลย โดยการให้เพื่อนที่ทำงานสายการบินล็อกที่นั่งให้

– จากสาเหตุดังกล่าวทำให้คุณแสตมป์ตัดสินใจไม่รับงานคอนเสิร์ตในภาคเหนือ อีสาน และภายใต้ เพราะไม่อยากนั่งเครื่องบินแล้วเจอเหตุการณ์แบบนั้นอีก

– นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่มีคนมาร่วมคอนเสิร์ต ชูโทรศัพท์ขึ้นมาให้ดูหน้าเวที แล้วก็เป็นรูปของจำเลย แถมยังมีเรื่องที่ภรรยาของคุณแสตมป์โดนแฮ็กไอจี พอตรวจสอบดูพบว่าถูกเอาไปบล็อกคนที่เกี่ยวข้องกับจำเลย

– คุณแสตมป์ก็เลยตัดสินใจหยุดรับงานคอนเสิร์ตทั้งหมด จนกว่าคดีจะเสร็จสิ้น เพื่อรอคำสั่งคุ้มครองจากศาลหากชนะคดี

– แล้วก็ปรากฏว่าเมื่อปีที่แล้วก็ชนะคดีจริง ๆ โดยที่ฝ่ายจำเลยเป็นคนสารภาพเอง เพราะยอมจำนนต่อหลักฐานในชั้นศาล มีการยกมือไหว้ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา และรับปากว่าจะไม่ยุ่งกับภรรยาของคุณแสตมป์อีก

– แต่สุดท้ายแล้วคู่กรณีก็ยังไม่เลิก ทำพฤติกรรมเหมือนเดิม โพสต์ด่า คุกคามไม่หยุด เพิ่มเติมคือคำขู่จากท่านนายพล

– คุณแสตมป์ก็เลยบอกบนเวทีว่า ไม่อยากให้มายุ่งแล้ว ช่วยทำตามคำสั่งศาลด้วย ไม่เช่นนั้นจะเอาเรื่องอย่างเด็ดขาด และเอาข้อมูลทั้งหมดมาเปิดเผย ทั้งชื่อวงดนตรีที่จำเลยทำงานอยู่ รวมไปถึงชื่อนายพลด้วย

          โดยก่อนหน้านี้ แสตมป์ปล่อยเพลงชื่อ SASAENG (ซาแซง) เพื่อใช้ประกอบการฟ้องร้อง โดยมีเนื้อหาเล่าถึงการที่ภรรยาของเขาถูกใส่ร้าย ซึ่งเขาพร้อมที่จะปกป้องภรรยาจนถึงที่สุด ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนก็ตาม ซึ่งคำว่า ‘ซาแซง’ เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มแฟนคลับที่คลั่งไคล้ในตัวศิลปินมากจนเกินขอบเขตในภาษาเกาหลี และติดตามศิลปินแม้ในเวลาส่วนตัวของพวกเขาอีกด้วย

 

โซเชียลขุดโพสต์เก่า “แสตมป์ อภิวัชร์” หลังเปิดใจเรื่องครอบครัว

 

          จากเหตุการณ์ดังกล่าว ชาวเน็ตต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ถึงขั้นมีการขุดโพสต์เก่าๆของ แสตมป์ อภิวัชร์ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เป็นโพสต์ปริศนา ระบุว่า “วงดนตรีวงหนึ่ง support โจร ไม่มีคุณธรรม” 

          ท่ามกลางคอมเมนต์สงสัยกันมากในตอนนั้นว่าหมายถึงอะไร วงไหน สร้างความห่วงใยกับแฟนๆ บ้างก็คิดว่าหรือโปรโมตเพลงใหม่หรือเปล่า

          แต่ล่าสุดก็ชัดเจนแล้วว่า แสตมป์ หมายถึง วงดนตรีที่คู่กรณีไปอยู่ด้วยนั่นเอง ทั้งคอยตามป่วนเวลาไปแสดงคอนเสิร์ตแล้วเจอกัน ซึ่งตอนนี้โซเชียลต่างก็ไปตามหากันให้วุ่นวงดนตรีใด และหลายคนออกมาชี้แจงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หลังถูกนำไปโยงกับเรื่องนี้จนมีคนเข้าใจผิดด้วย

 

“Tilly Birds” ออกแถลง ปมแฟนสาว sound engineer ของวง คุกคาม “แสตมป์”

 

          เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของวง Tilly Birds ออกแถลงการณ์เนื่องจากถูกพาดพิงเชื่อมโยงกับกรณีดังกล่าว โดยมีใจความสรุปส่วนหนึ่งว่า รู้จักกับคู่กรณีจริง โดยบุคคลดังกล่าวเป็นแฟนสาวของ Sound Engineer (FOH) ประจำวง แต่เรื่องราวที่วง Tilly Birds ได้รับจากทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง วงจึงมีความประสงค์จะวางตัวเป็นกลางเนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว จึงแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายไปตกลงกันเองให้จบสิ้น และวงยังชี้แจงเพิ่มเติมอีกว่า

          ข้อมูลที่ได้รับมาจากคู่กรณีทั้งสองฝ่ายคือการฟ้องร้องใน ‘คดีชู้สาว’ มิใช่ ‘คดีคุกคาม’ และวงได้รับทราบว่าทั้งสองฝ่ายได้เจรจายอมความกันโดยมีค่าเสียหาย จึงวางใจว่าคดีความนี้จบลงไปแล้วและไม่ได้ติดตามเรื่องดังกล่าวต่อ

          Tilly Birds ทิ้งท้ายยืนยันในแถลงการณ์ว่าวงไม่สนับสนุนการคุกคามหรือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่นแต่อย่างใด สำหรับแถลงการณ์ฉบับเต็มมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

แสตมป์ อภิวัชร์

คู่กรณี แสตมป์ อภิวัชร์ โต้กลับอีกฝ่ายพยายามติดต่อหาแฟนของตน

 

          ต่อมาทางด้านแฟนหนุ่มคู่กรณีของ แสตมป์ อภิวัชร์ ได้ออกมาชี้แจงในมุมของตนผ่านทางเพจ Tilly Birds โดยเขียนแคปชั่นว่า “แถลงการณ์จาก Sound Engineer ของวงครับ”  และนอกจากนี้ คู่กรณียังได้โพสต์ข้อความเดียวกันลงในอินสตาแกรมส่วนตัว ระบุ

          “จากกระแสที่เกิดขึ้นบนโลกโซเชียลในขณะนี้ว่าแฟนผมเป็นซาแซง ร่วมกันกับผม ซึ่งทำหน้าที่เป็นทีมงาน FOH Engineer ของวงดนตรีวงหนึ่ง ร่วมกัน โกหก แต่งเรื่อง บุกไปตามที่ต่างๆ เพื่อดักเจอหรือคุกคามศิลปินคนหนึ่งกับภรรยานั้น

          ผมขอยืนยันว่าเรื่องที่ว่ามานั้นไม่เป็นความจริง สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ และยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายต่างหากที่เป็นฝ่ายพยายามติดต่อแฟนผมมาโดยตลอด ทั้งชักชวนไปทำงาน มอบหมายความรับผิดชอบในส่วนต่างๆให้

          รวมถึงหน้าที่ที่ฝ่ายนั้นบอกว่าทางเราแอบอ้าง ส่งข้อความมาหาในเรื่องงาน จนลามไปถึงเรื่องส่วนตัวซึ่งยอมรับตามตรงว่าเราเองในฐานะแฟน ก็ไม่ได้พอใจที่มีการส่งข้อความแปลกๆ เหล่านั้นมาโดยตลอด

          วันที่เจอหลังเวที งาน Monster Music Festival 2023 ผมได้ถ่ายคลิปไว้จริง ซึ่งเกิดจาก ณ เวลานั้น ผมอยู่ที่บริเวณนั้นคนเดียว ภรรยาอีกฝ่ายได้ตะโกนด่าผมด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย พร้อมกันนั้นตัวศิลปินคนนั้นเดินตรงเข้ามาผลักอกผมอย่างรุนแรง ผมจึงต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายไว้เพื่อป้องกันตัว

          ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่ไม่ออกมาเคลื่อนไหวหรือแถลงข้อเท็จจริง เพราะว่ากลัวว่าหากเราแสดงตัว เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องนี้จะกระทบทุกคนที่อยู่รอบข้าง กระทบทุกคน ไม่ว่าจะเป็น เพื่อน พี่น้อง ที่อยู่ข้างๆ วงดนตรีที่ผมรัก

          แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาทางเราเป็นฝ่ายที่ถูกคุกคามจากอีกฝ่าย ทั้งจากการเอาไปพูดตามที่ต่างๆ ใช้สื่อ หรือช่องทางอื่นๆ เพื่อหวังให้ต้นสังกัดเข้าใจตามที่ปรากฎในสื่อช่องทางต่างๆ ในแบบที่เค้าต้องการ เพื่อให้ผมถูกต้นสังกัดยุติการจ้างงาน และไม่สามารถร่วมงานกับใครได้อย่างที่เคย รวมถึงพูดให้น้องที่สนิทกับผมออกจากต้นสังกัด

          ในเรื่องของคดีความที่ฝั่งเราถูกฟ้องร้องทุกคดี ปัจจุบันคดีความเป็นที่ยุติแล้ว โดยไม่มีการวินิจฉัยว่าเรากระทำการตามที่ถูกกล่าวหา ฝั่งเราก็คิดมาตลอดว่าคดีจบแล้วก็ควรจะต่างคนต่างอยู่ แต่ไม่ได้เป็นไปตามนั้นเลย อีกฝั่งยังคงคุกคามเราในหลากหลายช่องทางจนถึงปัจจุบัน

          ทั้งนี้ ผมอยากจะขอโทษทุกๆคนที่ถูกพาดพิง และถูกอ้างอิงโดยไม่ได้เกี่ยวข้อง จนได้รับความเดือดร้อน ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยในส่วนของข้อกฎหมาย ตอนนี้กำลังปรึกษาทนายและจะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไปครับ”

แสตมป์ อภิวัชร์

แสตมป์ อภิวัชร์

แสตมป์ อภิวัชร์

          ทางด้านทนายนิด้า ศรันยา หวังสุขเจริญ ทนายส่วนตัวของ แสตมป์ อภิวัชร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเพจ ทนายนิด้า โดยระบุว่า “กรณีพี่แสตมป์นี่บอกได้คำเดียวเลยว่าหลังชนฝา พยายามทำทุกอย่างแบบสันติวิธีมาแล้ว เข้าสู่กระบวนการกฎหมายก็แล้ว ตอนนี้ในหัวพี่แตมป์คงคิดว่า #พวกมึงอยู่กันดีดีไม่ได้ใช่ม๊ายยยยย”

          ทั้งยังบอกในอีกโพสต์ว่า “เรื่องฟ้องร้องคดีอะไรกัน นิด้าไม่สามารถพูดได้ถ้าลูกความไม่ได้อนุญาต แต่เรื่องข่มขู่เป็นเรื่องจริง คดีจบแต่คนไม่จบเป็นเรื่องจริง เรื่องพ่อใช้ยศในทางไม่เหมาะสมคือเรื่องจริง”

          ซึ่งหลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น และวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก โดยทางทนายนิด้า ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในคอมเมนต์ด้วยว่า “ส่วนตัวเคยได้รับการส่งสารเรื่องการข่มขู่จากฝ่ายนั้น ผ่านทนายความคนหนึ่งของฝ่ายนั้นด้วยตนเองค่ะ”

 

          นอกจากนี้ทางด้านกองทัพบกได้ออกมาเคลื่อนไหว บอกว่าอยากได้ข้อมูลเพิ่มจากแสตมป์ ถ้าพบว่านายพลคนดังกล่าวทำจริงก็พร้อมจะลงโทษทางวินัย เพราะถือเป็นเรื่องร้ายแรง

 

แฟนหนุ่มคู่กรณี แสตมป์ อภิวัชร์ งัดหมายศาลแฉความจริง

 

          ต่อมาทางด้านแฟนหนุ่มของคู่กรณี ได้โพสต์ภาพข้อความชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว อีกทั้งยังแนบหลักฐานในการฟ้องคดีชู้สาวมาด้วย และเขียนแคปชั่น “ขอโทษที่ลบข้อความก่อนหน้านี้ ผมกังวลและลนลานมาก ขอเรียบเรียงแบบชัดเจนอีกครั้งหนึ่งครับ ในส่วนอื่นที่ยังไม่เปิดเผย เป็นเรื่องละเอียดอ่อนทางกฎหมาย จึงต้องปรึกษาเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการต่อไปอีกครั้งครับ”

ซึ่งในภาพข้อความของโพสต์ดังกล่าว มีเนื้อหาระบุว่า

“ขอโทษที่ลบข้อความก่อนหน้านี้  ผมกังวลและลนลานมาก ขอเรียบเรียงแบบชัดเจนอีกครั้งหนึ่งครับ

เรื่องประเด็นคดี 

          ไม่เคยมีคำตัดสินเรื่องคุกคามแต่อย่างใด  มีเพียงคดีหมิ่นประมาท กับคดีอื่นๆ ที่โจทก์ถอนฟ้อง คดีที่เรายอมความคือคดีละเมิด ในเนื้อความมีเรื่องเกี่ยวกับการชู้สาวที่ศาลเยาวชน เราได้ทำสัญญาการจ่ายเงินเป็นจำนวนหนึ่งล้านบาท เพื่อให้เรื่องจบ และเราไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับเขาอีกตามสัญญาท้ายฟ้อง เรามองว่าเราจ่ายได้ อีกทั้งชั่งน้ำหนักกับเรื่องที่พ่อพวกเราป่วย จึงตัดสินใจไปทางนี้ เพื่อจะกลับมาใช้เวลาดูแลครอบครัว และคงที่ไม่ต้องพูดถึงกันอีกต่อไป ตรงส่วนนี้คือที่ทางวง Tilly Birds หมายถึงครับ

          แนบหลักฐานในการฟ้องมาให้ดูครับ  มีการฟ้องกันหลายคดี มีการฟ้องชู้ด้วย หากทางโน้นมีหลักฐานใดโต้แย้งเชิญได้เลยครับ เพราะฉะนั้นทุกคดีของเราไม่เคยมีการสืบพยาน ไม่เคยไปถึงเรื่องจริง มีแต่ตกลงว่าจะจ่ายค่าเสียหายเพื่อให้จบเรื่อง ซึ่งวันนี้เรารู้แล้วว่าเราพลาดเพราะมันทำให้คนเข้าใจว่าเรายอมรับผิด

          คดีเกี่ยวกับการคุกคามใดๆ แบบที่เค้าอ้างและอ้างว่าชนะไม่มีอยู่จริงครับ ถ้ามีอยู่ช่วยแสดงออกด้วยครับ

          ที่แฟนผมไม่ออกมาพูดเพราะขณะนี้สภาพจิตใจพังทลายจากการโดนตามอาฆาตมาตลอด  มีการส่งจดหมายไปตามที่ต่างๆที่เคยทำงานเพื่อให้มีการเลิกจ้าง โทรหาบุคคลที่ผมทำงานหรือเคยทำงานด้วย เพื่อให้เราสองคนไม่มีงานทำ ผมจึงขอออกมาพูดแทนครับ

          เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก และทุกคนอยากลืมมันไป ขณะนี้มีคนเสียหายเยอะมาก เพราะทุกคนแค่ไม่อยากให้ใครต้องมาบาดเจ็บจากการเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ ผมขอโทษครับ

นี่คือสิ่งที่ผมบอกกับวงและคนรอบข้างไป Tilly Birds และหลายๆ คน จึงไม่อยากเข้ามายุ่ง

ผมขอโทษที่ก่อนหน้านี้แสดงอาการลนลานและโพสต์อะไรที่จับใจความไม่ได้ออกไป 

ส่วนเรื่องอื่นๆ หลังจากนี้ผมจะขอใช้เวลาเตรียมการให้และรอบคอบขึ้น และจะมีการออกมาพูดอย่างแน่นอนครับ”

          ก่อนที่ในช่วงเช้าของวันที่ 19 มกราคม เพจ ‘โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้’ ได้กล่าวอ้างว่าเป็นเพื่อนของแสตมป์ ออกมาโพสต์รูปภาพการพูดคุยของเขากับแสตมป์ถึงกรณีคดีชู้สาว พร้อมข้อความดังนี้

 

“สวัสดีครับ ผมชื่อ ป้อง เป็นเพื่อนกับแสตมป์

 “ผมคือหนึ่งในพยานให้นิว คดีชู้สาว (แต่ไม่ถึงปากที่ให้ไปขึ้นศาล) ผมไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับคู่กรณีทั้งแจมและแก๊ป

“แต่ผมเป็นคนกลางติดต่อแจมให้แสตมป์ในช่วงเวลาที่เขาติดต่อกันเองไม่ได้ ผมรู้เรื่องราวเกือบทั้งหมดของปัญหานี้ แบบมีหลักฐานเป็นแชตทุกช่องทางกับแสตมป์ (แต่ไม่รู้ว่าเป็นคำโกหกของเพื่อนผมหรือไม่)

“แม้ผมจะเป็นเพื่อนแสตมป์ แต่ผมรู้สึกไม่โอเคกับการเล่าบนเวที เพราะแสตมป์เล่าไม่หมด จึงเกิดความวุ่นวายในสังคม ศิลปินและบุคคลหลายคนได้รับผลกระทบทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาของ 4 คนนี้เลย 

“ผมได้คุยไลน์กับแสตมป์ครั้งสุดท้ายหลัง 30 พฤษภาคม 2566 ไม่กี่วัน (ซึ่งตอนแรกผมต้องไปเป็นพยาน) โดยให้ผมเช็ก IG แจมว่าลบรูปบางอย่างไปหรือยัง ผมตอบไปแล้ว หลังจากนั้นผมไม่ได้คุยกับเพื่อนผมอีกเลย จนเกิดเหตุพูดบนเวที ผมทักไลน์ไปว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมยังมีปัญหาอีก เห็นว่าจบ แยกย้ายต่างคนก็ใช้ชีวิตกันไปแล้ว กลายเป็นนิวตอบไลน์มาว่า “ไม่ต้องห่วง ไว้ว่ากัน กำลังมีคนโพสต์ด่าอยู่พอดี” แล้วไม่ตอบอะไรผมอีกเลย

“ผมรอให้คู่กรณีคือแก๊ปได้โพสต์ก่อน เพื่อจะได้อธิบายว่าเป็นคดีชู้สาว ไม่ใช่เป็นเรื่องการคุกคามแบบซาแซงที่แสตมป์เล่าบนเวที ถ้าบนเวทีแสตมป์เริ่มต้นว่าทุกคนครับ ผมนอกใจเมียผมเป็นเวลา 2 ปีก่อนที่เมียผมจะจับได้ แล้วหลังจากนั้นจึงเกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นครับ (อย่างที่พูดบนเวที) สารที่ประชาชนรับรู้จะต่างไปจากตอนนี้ ไม่มากไม่น้อยอย่างแน่นอน อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์ทัวร์ไปลงผิด ศิลปินหลายคนก็ไม่ต้องเกี่ยวข้องเลยแบบนี้ ความจริงผมก็ไม่เกี่ยวข้องเลย แต่ยอมที่จะแลกเพราะทำไมเรื่องความรักที่ไม่ปกติของ 4 คน ต้องมีผู้ไม่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบแบบนี้ สังคมวุ่นวายไปหมด แฟนเพลงของแต่ละคนต้องมาปะทะกันเอง

“อย่างที่ผมเคยทวีตไปว่า ไม่สงสัยเลยเหรอว่าศิลปินเกือบทั้งวงการทราบเรื่อง แต่ทำไมไม่มีใครอยากยุ่ง เพราะ

  1. ทุกคนอาจมีแผล หากเข้ามายุ่ง เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อาจถูกขุดแบบมั่วๆ ก็ได้ จึงเลือกที่จะเงียบเสียดีกว่า
  2. ถ้าออกมาเทกแอ็กชันแล้วแฟนเพลงฝ่ายนั้นไม่เชื่ออีก ก็กลายเป็นทำให้แฟนเพลงปะทะกันเองแบบที่เกิดขึ้นตอนนี้
  3. ถ้าประชาชนรู้ว่าแสตมป์นอกใจเมีย คนที่พังคือตัวแสตมป์เอง

 

“ในเมื่อไม่มีใครเล่าอะไรให้ชัดเจน (แบบไม่โกหก) ผมขอใช้พื้นที่เพจ ‘โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้’ โพสต์แบบยาวๆ เพื่อที่จะให้ทุกคนทราบพฤติกรรมความไม่ปกติหลายๆ อย่างจากทั้งแสตมป์และนิว ผมไม่กลัวว่าจะถูกฟ้องกลับจากฝ่ายใดเลย หากผมยึดหลักพูดความจริงจากหลักฐานแชตทั้งหมด หากถูกฟ้องจะต้องมีการพิสูจน์ก่อนว่าผมพูดเท็จ แม้แชตจะเป็นเรื่องโกหกที่แสตมป์เล่ากับผมก็ตาม 

“ตัวอย่างแรก แสตมป์เคยบอกผมว่าเขาไม่ได้เงินใช้เลย เงินอยู่ที่นิวทั้งหมด เขาอยากสร้างบ้านใหม่ให้แม่ นิวก็ไม่ให้เงิน เรื่องนี้แสตมป์บอกผมปี 2564 เลยทำให้ผมไม่ชอบนิว แต่พอต้องขึ้นศาล ผมไปเล่าให้ทนายฟังแบบนี้ มีการบันทึกเทปไปให้นิวกับแสตมป์ฟังว่าผมพูดอะไรบ้าง วันต่อมาแสตมป์มาขอโทษผมว่าเรื่องทั้งหมดเขาโกหกผมมาตลอด หากแสตมป์โกหกผมแบบนี้ แสตมป์ก็สามารถโกหกให้นิว แจม และทุกคนเข้าใจผิดได้เช่นครับ ขอจบเรื่องแรกเท่านี้ก่อนครับ ไว้จะมาอธิบายความประหลาดอื่นๆ อีก

 

หมายเหตุ:

  1. ก่อนโพสต์นี้ผมได้คุยกับ โอม Cocktail และวง Tilly Birds แล้วด้วย เพื่อเช็กว่าข้อมูลฝ่ายเขาตรงกับผมที่ได้รับจากแสตมป์ไหม ปรากฏว่าไม่ตรงกันหลายเรื่อง (ตอนนี้ทั้งหมดบินไปสหรัฐอเมริกาเมื่อคืนนี้)
  2. ขอบคุณคุณ Art Eakarat ที่ให้คำปรึกษาด้วยครับ

“ปล. ถ้าหลังจากนี้มีชื่อ ผัก อยู่ ผักคือ aka ที่แสตมป์ใช้เรียกแจมครับ”

แสตมป์ อภิวัชร์ แถลงการณ์ขอโทษที่พูดไม่ครบ

          ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (20 มกราคม) แสตมป์ อภิวัชร์ โพสต์ข้อความแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์ดังกล่าวลงบนโซเชียลมีเดียส่วนตัว โดยใจความบางส่วนระบุว่า เขาขอโทษทุกคนด้วยความเสียใจอย่างที่สุดที่พูดบนเวทีในวันที่ 15 มกราคม (Wednesday Song) ไม่ครบทุกประเด็น ทำให้เกิดความเสียหายออกไปในวงกว้าง ทั้งกับตัวบุคคลและวงดนตรีต่างๆ มากมาย แสตมป์ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับแจมในอดีตจริง และยืนยันว่าการคุกคามและข่มขู่ด้วยคดีทางการเมืองเคยเกิดขึ้นจริง โดยก่อนหน้านี้มีการฟ้องร้องร่วมกันหมิ่นประมาท ซึ่งแยกเป็นแพ่งและอาญารวมทั้งหมด 3 คดี ในส่วนคดีของแสตมป์ได้ถอนฟ้องไปทั้งหมดเนื่องจากถูกข่มขู่ด้วย ม.112 ในส่วนคดีความของภรรยา (นิว-จีริสุดา ศรีวัฒน์) มีการฟ้องคดีมือที่สาม โดยคดีความจบลงด้วยการได้รับการชดใช้เป็นเงินหนึ่งล้านบาทจากคู่กรณี

 

          แม้จะมีแถลงการณ์ออกมาในช่วงเช้าของวันนี้ แต่คาดว่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งหลังจากที่เมื่อวานนี้ (19 มกราคม) ทนายนิด้า-ศรันยา หวังสุขเจริญ ทนายความผู้รับผิดชอบคดีของแสตมป์และภรรยา ได้ออกมาโพสต์ข้อความแจ้งให้ทราบไว้

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube