Home
|
บันเทิงไทย

เป็ด เชิญยิ้ม ชีวิตที่ไม่ได้เริ่มด้วยความตลก ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อรองเท้าแตะ

Featured Image

เป็ด เชิญยิ้ม ชีวิตที่ไม่ได้เริ่มด้วยความตลก ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อรองเท้าแตะ พอมีลูกก็ไม่มีเงินซื้อนม ยอมรับตัวเองเจ้าชู้แต่รักใครรักจริง ภูมิใจที่สุดในชีวิตนี้ คือ ได้สร้างนามสกุล เชิญยิ้ม มายาวนานถึง 40 ปี

 สร้างสีสันรอยยิ้มให้กับวงการบันเทิงมายาวนานทีเดียว สำหรับ เป็ด เชิญยิ้ม หรือ เป็ด เชิญยิ้ม หรือ ธัญญา โพธิ์วิจิตร หนึ่งในผู้ก่อตั้งคณะเชิญยิ้มเมื่อปี 2523  เมื่อได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 เจ้าตัวได้เปิดหมดทุกมุมของชีวิตที่ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความตลกและรอยยิ้มเลย เพราะชีวิตลำบากมากไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อรองเท้าใส่ ไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อนมให้ลูกกิน พร้อมยอมรับเป็นคนเจ้าชู้แต่รักใครรักจริง ทุกวันนี้สิ่งที่รู้สึกภูมิใจที่สุด คือ สามารถฝ่าฟันอุปสรรคและสร้างนามสกุล เชิญยิ้ม ให้ทุกคนได้เป็นที่รู้จักมายาวนานถึง 40 ปี ผลิตตลกคุณภาพเข้าสู่วงการบันเทิงมากมาย 

ถาม กว่าจะมาเป็น เป็ด เชิญยิ้ม ในวันนี้ ขอย้อนกลับไปก่อนเห็นบอกว่าเป็นคนหนึ่งที่กว่าจะต่อสู้ คือ มีเรื่องลำบากเยอะแยะมากมายตั้งแต่วัยเด็กไม่เลย ชีวิตเป็นยังไงบ้าง คือ พี่เป็ด ที่ทั้งประเทศไทย ถ้าพูดกันตรงๆก็คือเราไม่ได้มีชีวิตที่เริ่มต้นจากความไม่ตลกใดๆเลย

เป็ด เชิญยิ้ม : พ่อขับแท็กซี่ แม่เป็นแม่บ้าน มีลูก 6 คน ผมเป็นคนที่สอง พี่ชายเป็นลูกคนโต แล้วน้องผู้ชาย 2 ผู้หญิง 2 พ่อขับแท็กซี่บ้านนอก เมื่อ 50 ปีที่แล้ว มันจะได้สักเท่าไรชีวิตมันลำบากมาก จะซื้อรองเท้าแตะ ผมก็ขอแม่เพราะเดินเท้าเปล่ามานานแล้วขอซื้อนันยางสักคู่ได้ไหม ตอนนั้นคู่ไม่กี่บาท พ่อก็บอกว่าไม่มี พ่อพูดมาแบบนั้นเราก็ไม่พูดอะไรต่อเราก็เลยตัดสินใจ 2 คนกับพี่ชาย ไปรับไอติมมาขาย ห่างจากบ้าน 1 กิโลเมตร แต่ต้องตื่นตีสามเพราะตีสี่ทุกคนจะมาเอากระดิ่ง แล้วคือกระดิ่งมันน้อยมากทุกคนก็จะมาแย่งกันเพื่อที่จะไม่ต้องตะโกนว่าไอติมมาแล้วๆ เพราะแค่สั่นกระดิ่งก็คือเขาก็รู้แล้วว่าเราขายไอติม ผมก็ออกไปขายสองคนกับพี่ชาย แล้วก็มาเดินผ่านสวนบางมันก็จะมีเศษยางตกอยู่ก็ขุดๆใส่กระสอบๆแล้วแบกกลับมาล้างแล้วขายเศษขี้ยางกิโลละ 50 สตางค์ พอขายแล้วเราก็จะไปซื้อรองเท้าแต่ก็ไม่ซื้อเราคิดว่าทนไปอีกสักอาทิตย์ค่อยซื้อ เราก็นั่งรถไปซื้อผลไม้ดอง มะยมดอง ฉลากที่เขาจับมีตุ๊กตามีของอะไรเอามานั่งขายต่อยอดอีกและเอากำไลตรงนั้นไปซื้อรองเท้าแตะ แล้วเงินไปให้แม่ก็ได้ช่วยเหลือแม่ในตอนนั้น

ถาม วัยเด็กของ พี่เป็ด มีความใฝ่ฝันไหมว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร

เป็ด เชิญยิ้ม : คิดว่าโตขึ้นฉันต้องผูกเนคไทหล่อ ฉันจะต้องใส่สูท ทำงานอยู่ห้องแอร์ แม่ส่งพี่ชายขึ้นไปเรียนกรุงเทพฯเรียนพาณิชย์ ซึ่งเราก็อยากเรียนเหมือนกับพี่ชายเพราะเราอยากใส่สูท แม่บอกว่า ไม่ เรียนครู แล้วคือผมเป็นคนที่ถูกครูตีหน้าชั้นเรียนทุกวันแล้วผมจะชอบเหรอความเป็นครู ผมถูกตีบ่อยที่สุดเพราะว่าผมเกเร จะให้ผมเรียนคือผมไม่เอา แต่แม่บอกต้องเรียนเพราะตอนนั้นเรียนแค่ 2 ปี แม่ ให้เวลาเรียน 2 ปีแล้วให้กลับมาเป็นครูอยู่ที่บ้าน สุดท้ายก็ไปเรียน เข้าไปเรียนอยู่บ้านสมเด็จ 2 ปี บอร์ดเข้าก็จะเปิดเลยว่าใครผ่านใครโดนรีไทร์ต่ำกว่า 1.8 โดนรีไทร์ นายธัญญา โพธิ์วิจิตร ได้ 1.78 โดนรีไทร์ คือ ผมไซโย เพื่อนๆคืองงเลย เราก็รีบกลับไปบอกแม่ว่าผมโดนรีไทร์ไม่ต้องเรียนครูแล้ว กลับไปบอกแม่อย่างภาคภูมิใจ แต่แม่พอได้ฟังคือ เสียใจร้องไห้มาก แต่เพราะที่ไม่รู้ถึงความเสียใจของแม่ขนาดนั้น ก็เพราะผมไม่อยากเรียน แม่หนีไปร้องไห้หลังบ้านเป็นสวนยางเราก็เข้าไปกราบเท้าแม่ แล้วบอกแม่ .. ว่าแม่ผมจะเรียนน้ำตาของแม่ในวันนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เสียใจเพราะผมต่อไปน้ำตาของแม่จะเป็นความสำเร็จของผมตลอดชีวิต ผมจะทำความดีให้แม่เห็น หลังจากนั้นก็มาเรียนต่อ

เป็ด เชิญยิ้ม : แล้วตอนนั้นอายุประมาณ 20 ย่าง 21 ยังวัยฉกรรจ์แล้ววัยฉะคนด้วยเลยคิดว่าต้องมีแฟน (ถามว่าเป็นรักครั้งแรกไหม) เป็นรักครั้งแรกเลย เป็นแฟนคนแรก ตอนนั้นเราเป็นนักฟุตบอลของมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ก็เก็บตัวนักฟุตบอลอยู่เราก็ไม่รู้เรื่องเลยว่าแฟนท้อง เขามารู้เพราะว่าเขาเป็นลมบนสองแถว แล้วเพื่อนเขาก็พาไปโรงพยาบาล เช้าเขาก็มาบอกเพื่อนเราแล้วเพื่อนก็มาบอกเราว่า เป็ด .. แฟนท้องนะ ขณะที่เราเก็บตัวอยู่ในมหาวิทยาลัย เราเลยเก็บเสื้อผ้าออกจากที่เก็บตัว แล้วบอกอาจารย์ว่าแฟนผมท้อง ผมต้องมาตั้งสติแก้ปัญหา สิ่งที่ไม่ได้กลัวถ้าใครจะรู้ แต่สิ่งที่กลัวที่สุดคือถ้าพ่อรู้ตายแน่ๆ ตายอย่างเดียวเพราะว่าพ่อดุมาก คือ ขนาดเราไปเล่นฟุตบอลที่สนามแล้วแค่พ่อกอดอกเหล่ตามองคือเราต้องกลับบ้านแล้ว คือ เราเข้าใจเขาเพราะเขาขับรถแท็กซี่หลังคดหลังแข็ง ส่งให้ผมกับพี่ชาย คนละ 300 บาทต่อเดือน ผมกับพี่ชายเรียน 2 ปี พ่อต้องส่งเงินให้เราหมื่นกว่าบาท น้องอยู่ที่บ้านต้องกินปลาเค็ม พ่อต้องขับรถแท็กซี่หนักมากเราเข้าใจเขา แต่พอเกิดปัญหาตรงนี้ขึ้นมาเราก็คิดว่าจะทำยังไงดีพ่อรู้ไม่ได้ ก็ปรึกษาพี่ชาย ว่าแฟนท้องได้ 3 เดือนแล้วทำแท้งยังไงคือตอนนั้นเราคิดอย่างเดียวคือเราต้องทำให้ได้เอาออกให้ได้ เพราะว่าถ้าเอาไว้พ่อเอาเราตายแน่ พี่ชายก็บอกว่าต้องเก็บไว้ช่างมันไม่เป็นไร เราก็เริ่มจะหางานทำเพื่อหาเงินมาทำคลอด และหลังจากที่คลอดเราก็ตัดสินใจบอกแม่ เราก็เอาลูกเราไปฝากแม่เลี้ยง (ตอนนั้นเรากับแฟนก็นั่งรถจากกรุงเทพฯไปถึงตรังปั๊บ !! เอาไปให้แม่ พอแม่รู้ว่าเราไปเขาก็บอกพ่อว่าเราจะมา แล้วพอเราถึงบ้านเราก็เอาลูกให้แม่ พ่อเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าขับรถออกไป ส่วนเราก็กลับกรุงเทพฯ ซึ่งพ่อของเราไปไหนไม่รู้ 1 เดือนเต็มไม่กลับบ้าน ไม่ส่งเงินให้กลับครอบครัว แม่เลยบอกให้เราเอาลูกกลับไปก่อนไม่งั้น 4-5 คนที่อยู่บ้านคืออดตายแน่ๆไม่มีเงินแล้ว ที่พ่อไม่เข้าบ้านเพราะว่าเขาเสียใจ ผิดหวังกับเรา เรากับภรรยาต้องไปเอาลูกกลับมา แล้วพอมาถึงสถานีรถไฟสามเสน คือ เราก็ยืนงงไม่รู้ว่าจะไปไหน นอนที่ไหน

เป็ด เชิญยิ้ม : หลังจากวันนั้น ผมก็หางานทำมาสมัครงานเป็นพนักงานขายขายโทรทัศน์สีแถวสีลม ส่วนแฟนก็สอยเสื้อตัวละ 1 บาท ซื้อนมให้ลูก วันนั้นที่ผมมาอบรมก่อนที่จะไปขาย แล้วตอนนั้นก็นมไม่มีให้ลูก แล้วหัวหน้าบอกว่าใครอยากลองขายไหม ผมยกมือคนแรกเลยแล้วคิดในใจขอให้ขายได้เถอะ วันนี้ลูกจะได้มีนมกินแล้ว สมัยนั้นต้องเปิดเยลโล่เพจเจส คือ วิธีการขายสมัยก่อน (เป็นการสุ่มเปิดเยลโล่เพจเจส) พอเราเปิดไปเราก็ไล่ชื่อเลยหยุดตรงขื่อ คุณลัญจกร ฟักมีทอง อยู่ซอยรางน้ำเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน เป็นชื่อจริงนามสกุลจริงของคนที่ซื้อ เราเลือกชื่อเขาเพราะชื่อเขาแปลกแล้วก็เขาก็เป็นเจ้าของน้ำมันด้วย ผมก็โทรศัพท์หาเขาแล้วก็แนะนำตัวเองว่าผมเป็นพนักงานของบริษัท ทีวีสีซิลวาเนียนเป็นทีวีสีของเยอรมัน ตอนนี้จอเป็นภาพที่ดีที่สุดแกไม่พูดอะไรสักคำ เชื่อไหมพอผมพูดจบแกบอกว่า ไอ้น้องส่งมาที่นี่ 1 เครื่อง ผมได้ค่าคอมเลย 300 บาท  เชื่อไหมเฮ!!กันทั้งห้องเลย เป็ดเก่งมาก ธัญญาเก่งมาก ขายเก่งมาก แต่จากวันนั้นขายไม่ได้เลยสักเครื่อง แล้วจำได้ว่าผู้ชายคนนี้ผมจะลืมไม่ได้ ถึงผมจะตายไปเจ็ดชาติผมจะไม่ลืมคนนี้ เมื่อวันก่อนลูกสาวของเขายังส่งรูปที่ตัวเองยืนอยู่หน้าทีวีสีที่พ่อเขาซื้อผมไปมาให้ผมอยู่เลย ตอนนี้คือ ลูกสาวยังอยู่แต่คุณพ่อคนที่ซื้อโทรทัศน์ของผมท่านเสียแล้ว ซึ่งก่อนที่จะมารู้จักกันคือผมเคยประกาศหาเขาทางทีวีด้วยว่าตอนนี้ผมประสบความสำเร็จแล้วผมอยากจะไปกราบเขา ผมมาถึงทุกวันนี้ได้เพราะค่านมลูกผมกระป๋องนั้น 300 บาทเพราะจากเขาที่ต่อชีวิตให้ลูกผม ผมก็ตามหาเขาอยู่นานจนวันหนึ่งลูกสาวของเขาส่งมาให้ดูว่าตอนนี้ยังเก็บไว้อยู่เลย

ถาม และเมื่อมามีลูก แต่ลูกคนเล็กคือ ไม่ชอบเรียนหนังสือ พี่เป็ด เลยต้องเรียนแข่งกับลูกคือยังไงเอ่ย

เป็ด เชิญยิ้ม : ผมเรียนแข่งกับลูกเพราะลูกคนเล็กเกเรไม่เรียนหนังสือ วันๆนั่งสูบบุหรี่ ผมก็ถือบุหรี่แล้วก็ด่าลูกว่าจะสูบทำไมแต่พอเราย้อนมองตัวเองเราก็สูบด่าแล้วลูกจะเชื่อเราไหม ผมก็เลยเลิกบุหรี่ แล้วลูกคนเล็กก็นั่งสูบบุหรี่ไม่เรียนหนังสือ เราก็บอกว่าไม่เรียนใช่ไหมไม่เป็นไร คุณนั่งดูโทรทัศน์ไป ส่วนตัวของผมไปสมัครเรียนรามคำแหง เรียนปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ การเมืองการปกครอง แล้วเวลาที่ลูกไปนั่งตรงไหนผมก็ไปนั่งทำรายงาน เขานั่งดูโทรทัศน์ ผมก็ไปนั่งทำการบ้านก็นั่งแบบนี้ตลอด จนวันหนึ่งที่ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องแล้วลูกชายคนเล็กก็เดินเขาบอกพ่อ .. ปอม จะเรียนหนังสือแล้วนะพ่อ พี่ฉอด เชื่อไหมตอนนั้นน้ำตาของผมไหลออกมาเองเลย แล้วเราก็บอกเขาว่าใจเย็นแค่ลูกคิดพ่อก็มีความสุขแล้ว จะเรียนแล้วใช่ไหมเดี๋ยวพ่อจะไปฝากเรียนที่มหาวิทยาลัยจันทรเกษมนะ ตอนนั้นผมก็เรียน ลูกก็เรียน แล้วลูกคนโตก็เรียนมหาวิทยาลัยหอการค้า พอเขาเรียนจบผมก็บอกให้เขาต่อปริญญาโท เขาก็ครับพ่อ แล้วพอผมจบปริญญาตรีผมก็มาเรียนต่อปริญญาโท การจัดการมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม พอเราเรียนปริญญาโทจบ ลูกชายบอกว่าไม่เอาไม่เรียนแล้ว เราก็บอกว่าไม่เรียนไม่ได้นะเพราะเดี๋ยวเราจะไปเรียนปริญญาเอกแล้วนะ ตอนนั้นผมก็เรียนปริญญาเอกเกษตรศาสตร์ ลูกชายคนโตก็เลยต้องเรียนปริญญาโทต่อ แล้วพอลูกชายคนเล็กเรียนจบตรี เขาก็ไปต่อปริญญาโทที่ออสเตรเลีย ที่เราทำให้เขาเห็นแบบนี้เราก็ไม่รู้จะพูดจะบอกเขาวิธีไหนแล้ว หนึ่งแรงบันดาลใจที่ทำให้เราเรียนปริญญาเอกมีอยู่ 3-4 ประเด็น คือ ประเด็นหนึ่งไอ้ตลกคาเฟ่ ไอ้ตลกหยาบคาย ไอ้ตลกไม่มีการศึกษา ไอ้ตลกไม่มีความรู้ คนพูดนอกวงการพูดยังไม่เท่าไหร่ คนในวงการดูถูกดูแคลน และอีกเรื่องหนึ่งคือเราก็ให้ลูกน้องของเราไปดูว่าตลกคนไหนที่จบปริญญาเอก ก็มีอยู่ไม่ถึง 5-6 คน เราก็เลยคิดว่าเราต้องเรียนแล้ว เพื่อจบปริญญาเอกเพื่อประชดคนที่พูดว่าตัวตลกตัวแรกที่จบปริญญาเอก ไอ้ตลกคาเฟ่จบปริญญาเอก นี่คือแรงบันดาลใจ

ถาม พี่เป็ด ย้อนกลับไปเนอะ พี่เป็ด ยังจำคำที่คุณแม่บอกไว้ได้ไหมว่า พี่เป็ด ต้องเป็นครูวันนี้ ได้เป็นครูจริงๆนะ

เป็ด เชิญยิ้ม : ผมต้องขอบคุณคำนี้ ของ แม่ผม มากๆ เพราะวันแรกที่ผมเรียนจบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยรามคำแหงผมกอดพ่อกับแม่ แล้วบอกพ่อแม่ว่าอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ รอผมจบปริญญาโทก่อนพอจบผมก็กอดท่านอีก แล้วพูดคำเดิมว่าอย่าเพิ่งเป็นอะไรรอผมจบปริญญาเอกก่อนและพอผมจบปริญญาเอกผมกอดพ่อแม่ แล้วผมก็กราบเท้าท่าน นี่คือความสำเร็จความภูมิใจที่ผมบอกว่าน้ำตาแห่งความภูมิใจในตัวผมจากวันนั้นมา

ถาม เชิญยิ้ม คือเริ่มต้นที่ พี่เป็ด เลยไหม

เป็ด เชิญยิ้ม : เชิญยิ้ม คือปีนี้คบ 40 ปี เริ่มต้นของนามสกุลนี้เลยคือ เป็ด โน้ต ศรีหนุ่ม แล้วสรายุทธ ที่โดนยิงตายไป คือ 4 คนที่เริ่มมาด้วยกัน ซึ่งชื่อนี้เราไม่ได้ตั้งเองนะครับ แต่พระท่านเป็นคนที่ตั้งให้หลวงพ่อวัดเชิงหวายตั้งให้ ตั้งบอกว่าชื่อคณะชัยชาญ ชาญชัย แต่หัวหน้าคณะบอกว่ายาวไป แล้วบอกท่านว่า ผมใช้คำว่า ช. กับ ย. ได้ไหม เป็น เชิญยิ้ม หลวงพ่อบอกว่า ช้างก็ใหญ่ยักษ์ก็ใหญ่ คณะนี้ดังแน่นอน แล้วก็ดังจริงๆเพราะหัวหน้าถูกยิงตายดังระเบิดเลยลงหน้าหนึ่งเลย ตอนแรกก็ตัดสินใจจะเลิกเล่นกัน แต่พี่เด่น บอกว่าอย่าเพิ่งเลิกสู้ต่อไป เราเลยตัดสินใจตั้งคณะสู้ต่อ ต้องบอกว่าผมโชคดีนะ ที่ได้อยู่บนแผ่นดินของเชิญยิ้มเพราะว่ามันเป็นสถาบันนะ เชิญยิ้ม มันเป็นสัญลักษณ์ของตลกไทยก็ว่าได้ แล้วเชิญยิ้มอยู่กันแบบครอบครัว มันมีความผูกพัน มันมีความรักกันเป็นครอบครัวซึ่งมีหัวหน้าครอบครัวอยู่ 3 คน คือ โน้ต เป็ด ศรีหนุ่ม เราจะรักกันมาก เราจะแก้ปัญหาด้วยกัน เราจะสร้างชื่อเสียงด้วยกัน เราไม่โกหกคนดู เราจะต้องทำให้คนที่มาดูเรามีความสุข วันใดที่คนดูไม่มีความสุขเราจะมานั่งทุกข์กัน 3 คน ว่าทำไมเราควรจะเลิกเล่นตลกไหม ทำไมเขาไม่หัวเราะเรา โน้ต เป็นคนที่ไม่ยอมคือ ดื้อที่จะเล่น เล่นอยู่ 30 นาที คนยังไม่ตลก แต่ก็ดื้อที่จะเล่นจนประสบความสำเร็จ ฉะนั้นเพราะเราไม่ท้อกับคำว่า เชิญยิ้ม ก็เลยเป็นงานที่ค่อนข้างจะมีคุณภาพ เชิญยิ้ม เลยจะเป็นเครื่องหมายสินค้า ที่ใครๆก็อยากเข้ามาเป็น เชิญยิ้ม คาเฟ่ก็อยากให้เราไปเล่น มันเลยเกิด เชิญยิ้ม เสิ่นเจิ้นอะไรต่างๆนานาเยอะเลย เพราะบางคนที่ใช้เขาไม่ได้มาขอเรา เพราะเราจะบอกไว้ว่าใครจะใช้ให้มาขอทั้ง 3 คนก่อน โน้ต เป็ด ศรีหนุ่มนะ เรา 3 คนจะให้ แต่เพราะบางคนมาขอแค่เรา เราก็นึกว่าคงไปขอ โน้ต กับ ศรีหนุ่มแล้วเลยให้ใช้แต่จริงๆแล้วไม่ได้ขอเลยเกิด ทำให้มี เชิญยิ้มเสิ่นเจิ้น ที่ไปลักขโมยบ้าง ติดยาบ้าง ซึ่งนั่นไม่ใช่เชิญยิ้มเลยทำให้เสียชื่อเสียงค่อนข้างเยอะ

เป็ด เชิญยิ้ม : เรายังชื่นใจอยู่นะคำว่า 40 ปี ของเชิญยิ้มที่สร้างขึ้นมาเราได้สร้างคนขึ้นมาเยอะ ตอนนี้ต้องบอกเลยว่าในโทรทัศน์ 90% ตลกคือ เชิญยิ้ม เพราะเราได้สร้างตลกที่มีคุณภาพขึ้นมาแทบจะหมดทุกคนทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ เพราะมันเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ เชิญยิ้ม วางไว้ เร็ว กระชับ ไม่หยาบ ไม่ทะลึ่ง ไม่ลามก แต่ต้องบอกอย่างหนึ่งเลยวงการอะไรก็แล้วแต่วงการตลกคือรักกัน ซึ่งแผ่นดินตลกคนที่สร้างทางให้พวกเราเดินและผมไม่เลยลืมเลย คือ ป๋าต๊อก เริ่มจากทางที่ลำบาก แต่เขาสร้างให้พวกเราเดินได้สบายสิ่งแรกที่เราไม่ควรลืมเขา ส่วนที่สอง เด๋อ ดอกสะเดา ผู้ชายคนนี้ลืมไม่ได้เพราะเมื่อก่อนเขาดังมาก งานเขาดังมาก แล้วพอเล่นเสร็จเขาก็มานั่งกินข้าวกันที่ประตูน้ำ เด๋อ ดู๋ ดี๋ เขาก็นั่งกัน 3-4 แต่เขาสั่งกับข้าว อาหาร ยาวเลย 3-4 ชุด พอเราเล่นเสร็จเราก็มาที่ร้าน พอเขาเห็นเราก็เรียกมานั่งด้วยกัน แล้วถามว่ามีงานหรือยังพรุ่งนี้ เราก็บอกว่ายังเลยพี่ เขาก็เรียกผู้จัดการมาเลย ให้ดูเชิญยิ้ม 1 ที่ให้ไปเล่น ให้คณะนี้ที่หนึ่ง นั่นคือ เด๋อ ดอกสะเดา เขาทำแบบนี้เป็นปี คือเอางานของตัวเองมาแบ่งให้น้องๆที่ไม่มีงานทำ ผมเคยพูดกับพี่เด๋อ ว่าตราบใดที่ผมยังทำรายการโทรทัศน์อยู่ต้องมี เด๋อ ดอกสะเดา หรือผมทำธุรกิจต้องมีพี่ เพราะถ้าไม่มีเด๋อ ดอกสะเดา วันนั้นก็ไม่มีผมในวันนี้

ถาม ต้องถามอีกเรื่องหนึ่งทำไมตลกมักเจ้าชู้

เป็ด เชิญยิ้ม : เพราะว่าตลกหน้าตาดี หล่อมักนก ตลกมักได้ เพราะตลกเป็นคนอารมณ์ดี แล้วคนส่วนมากชอบคนอารมณ์ดี อยู่ใกล้แล้วมีความสุข อย่างภรรยาคนแรกพอเริ่มปั๊บ..ตอนนั้นเรากำลังดังผู้หญิงก็เยอะ แล้วเมื่อก่อนเขาไม่เคยหึง แต่หลังๆมาคือหึงมากเลยทำให้เกิดกดดัน บางทีก็ปลุกเราให้ตื่นมาทะเลาะ เราก็รู้สึกว่าเพื่ออะไรเพราะเราก็ต้องตื่นไปทำงาน แต่เรื่องก็เกิดเมื่อตอนที่เราไปเล่นที่ชาลีการ์เด้น เป็นของแม่ของคุณก้ามปู ภรรยาของคุณสุประวัติ ซึ่งคุณก้ามปู เป็นแคชเชียร์อยู่แล้วผมก็ไปเล่น ก็เห็นว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักดี พอเล่นเสร็จเราก็ไปรับเงิน เราก็ยื่นดอกไม้ให้เขา 

ถาม ซึ่งตอนนั้นที่ทำแบบนั้นคือ เมียก็มี แฟนก็มี กิ๊กก็มี

เป็ด เชิญยิ้ม : พี่อั๋น พอแล้วๆหลังจากนั้น เราก็ยื่นดอกไม้แล้วก็เริ่มชอบพอกัน ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดว่าจะอยู่ด้วยกันนะครับ แต่คิดว่าแค่จีบสนุกสนานบันเทิงแล้วเรากก็ไม่ได้รู้ว่าเป็นลูกของคุณสุประวัติเราไม่ได้รู้เรื่อง จนหนึ่งเขาไปญี่ปุ่นแล้วพอเขากลับมาเขาซื้อน้ำหอมมาให้ขวดหนึ่งบอกว่าซื้อน้ำหอมมาฝาก !! เราก็ตกใจว่าเขารู้ได้ยังไงว่าเราใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ เขาก็บอกว่าตอนที่เรามารับเงินได้กลิ่นน้ำหอม ซึ่งเขาไม่รู้ด้วยว่าน้ำหอมที่เราใช้ยี่ห้ออะไรแต่เขาก็ไปหาซื้อมาได้ แบบนี้เรารู้สึกยังไง ละลายไปเลยทำให้เรารู้สึกว่าทำไมเขาเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดเราขนาดนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าค้นหา แล้ววันหนึ่งที่เขาไปเล่นละคร เราก็เลยรู้ว่าเขาลูกใคร แต่ตอนนั้นกว่าจะรู้ก็คบกันไปแล้ว รักไปแล้ว แต่ก็แอบคบกันตอนนั้น ทุกเช้าผมต้องไปรับเขา แล้วผมเล่นเสร็จประมาณตี 4 ตี 5 ผมต้องถึงมหาวิทยาลัยหอการค้าเที่ยง บ่ายโมงเดี๋ยวเขาเลิก ผมต้องกลับมาส่ง มีเวลานั่งอยู่ด้วยกันได้ไม่ถึงชั่วโมง แม่ต้องการให้ถึงบ้านตรงเวลาตลอด แล้วตอนนั้นที่เขาเล่นละครคนก็เริ่มมาชอบเยอะ จนพ่ออี๊ด รู้ข่าว แล้วตอนนั้น พ่ออี๊ด กำกับสมาคมตลก แต่พอเขารู้ว่าผมคบกับลูกสาวเขา แล้วผมเจอผมยกมือไหว้ เขาไม่รับไหว้ผมนะ แต่เขารับไหว้ข้างหลังผมทุกคนเลย แล้ววันหนึ่งแม่เขาจะส่งเขาไปอเมริกา (ซึ่งแม่เขายังไม่รู้ว่าคบกัน) คือให้ไปแต่งงานที่อเมริกา เพราะว่าเขาต้องการให้ไปแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนเขาที่ทำธุรกิจอยู่ที่โน้น ผมก็บอกว่าไปเถอะ กลับมาเมื่อไหร่ผมจะรอ

ถาม แล้วภรรยาคนแรกเขารู้ไหมว่า พี่เป็ด คบซ้อนอยู่

เป็ด เชิญยิ้ม : คือ หลังจากที่ผมบอกให้ ก้ามปู เขาไปแต่งงานเขาก็บอกว่าไม่ไปอเมริกา ผมก็บอกว่าไม่ไปทำยังไง เขาบอกไม่รู้ ผมเลยบอกว่าหนี !! เอาเสื้อผ้า หนี (ถามว่าพี่ก้ามปูรู้ไหมว่าพี่เป็ดมีครอบครัวอยู่แล้ว) เขาก็รู้อยู่แล้ว แต่ผมกำลังจะเลิกอยู่แล้ว พอพาเขาหนีออกมาก็มาเช่าบ้าน (แฟนก็ตามมา) เพราะว่าบ้านแฟนคนแรกกับบ้านที่ผมเช่าอยู่กับก้ามปู ห่างกันไม่ถึง 5 นาที ใครบอกว่ายิ่งใกล้ยิ่งปลอดภัยผมไม่เชื่อ ยิ่งใกล้ยิ่งอันตราย หลังจากที่พาเขาหนีแม่ยายก็ล่าเขาบุกมาที่บ้าน    เทียนแพรหน้าประตูตั้งเตรียมขอขมา พอเปิดประตูปั๊บ !! เทียนแพรวางเราก็กราบแม่เขาก็ข้ามหัว ข้ามทั้งเทียนและหัว แม่เขาหยิบไม้กวาดเราเห็นกำลังจะตีปูเราเข้าไปกอดปูไว้เขาก็ตีๆลงบนหลังเรา แล้วแม่เขาก็พูดว่าเมิงจะกินน้ำใต้ศอกเขาเหรอ เราก็บอกว่าแม่ผมเลิกกันแล้วผมรักลูกสาวแม่ผมจะอยู่กับผู้หญิงคนนี้

ถาม แล้วทุกวันนี้ ก็มีมุมที่ทำให้ ตลก หักมุมไปเยอะคือ จากที่เล่นคาเฟ่ แต่ก็ต้องเปลี่ยนมาเล่นทางโทรทัศน์ แต่ช่วงนี้เจอโควิดชีวิตตลกไปไหนกันบ้าง

เป็ด เชิญยิ้ม : บ้านใครบ้านมันเลยครับ ตอนนี้ 

สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :

https://youtu.be/gq34-0cu8Os

https://youtu.be/9jyqGy6_Jcw 

https://youtu.be/Sey9J5h72EI  

https://youtu.be/LPdc8MUubDc

https://youtu.be/MBukhfV87C0

https://youtu.be/3MeLhMucC1U

https://youtu.be/wl5mv1dlDsQ

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube