Home
|
ไลฟ์สไตล์

4 นิสัยง่ายๆที่จะทำให้ชิวิตของคู่รักมีความสุข

Featured Image

          การมีคู่รักที่มีความสุข คงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ คงไม่มีใครเขาอยากจะอยากทะเลาะหรืออยากเครียดกับชีวิตคู่กันแน่ๆ หากอยากให้ชีวิตคู่มีความสุข อย่างน้อยควรทำหรือมี 4 นิสัยง่ายๆที่จะทำให้ชิวิตของคู่รักมีความสุข ดังต่อไปนี้ 

          1.พูดคุยกันตลอด

          ความเงียบไม่ใช่ทางออกของปัญหา ผลจากการสำรวจพบว่า คู่รักที่มีความสุขและพึงพอใจในชีวิตคู่มักจะมีนิสัยที่ตรงกันคือพูดคุยกันเสมอ มีอะไรก็บอกกันตลอด การพูดคุยที่ดีส่งผลต่อสุขภาพจิตที่ดีของทั้งสองฝ่าย ช่วยกระตุ้น เห็นภาพในอนาคต รวมถึงสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี 

          2.หัวเราะด้วยกัน 

          แน่นอนว่าการหัวเราะช่วยให้ร่างกายและสมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน เอ็นดอร์ฟิน (Endorphine) หรือสารแห่งความสุขออกมา Doris Bazzini ได้ศึกษาผลจากการหัวเราะในความสัมพันธ์ว่ามันมีผลอะไรพิเศษไหม การศึกษาพบว่าคู่รักที่หัวเราะร่วมกันมักมีเหตุการณ์ในอดีตร่วมกัน และมีแนวโน้มที่จะพอใจในความสัมพันธ์มากขึ้น  และรู้สึกพอใจกับคู่รักของตัวเองมากขึ้นด้วย 

          3.ให้ความสำคัญอยู่เสมอ

          อย่าลืมความรู้สึกวันแรกๆ ที่เรารู้จักกัน ทำไมเราถึงตกหลุมรักคนนี้ ทำไมเราถึงเลือกคนนี้ เรายังไว้ใจกันอยู่หรือเปล่า นิสัยที่ควรทำคืออย่าลืมความรู้สึกแบบนี้ ทำไมถึงอย่าลืมความรู้สึก เพราะหากเราไม่ลืมจะช่วยให้เราเห็นความสำคัญของคู่รักอยู่เสมอ และก็ตามมาด้วยความสัมพันธ์ที่ยืนยาวมากขึ้น 

          4.สบายใจ

          หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า รองเท้าคู่เก่า ไม่ได้มองภายนอก แต่สบายใจเมื่อหยิบขึ้นมาใส่ และรองเท้าคู่นี้ก็ทำให้เรามั่นใจในทุกย่างก้าว การใช้ชีวิตคู่ก็เหมือนรองเท้าคู่เก่า ต้องสร้างนิสัยที่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกสบายใจซึ่งกันและกัน ไม่ต้องพยายามเปลี่ยนมากเกินไป เป็นตัวของตัวเอง ง่ายที่สุดคือการไว้ใจซึ่งกันและกัน 

          และนี่ก็คือ 4 นิสัยง่ายๆ ที่จะทำให้เราเป็นคู่รักที่มีความสุขได้ หรือคู่ไหน คนไหนคิดว่าควรมีนิสัยอะไรบ้างก็บอกกันไว้หน่อย ติดตามบทความอื่นๆได้เลยที่ เพียงแค่คลิก ไอ.เอ็น.เอ็น

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

ขอขอบคุณข้อมูล

psychologytoday

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube