ธรรมะนำชีวิต สู้โควิด-19
ในส่วนของการรักษาโรคทางกายนั้นมีวัคซีน เพื่อช่วยป้องกันและลดการเสียชีวิตจากโควิด-19 แต่ในทางจิตใจนั้น วัคซีนที่สำคัญที่สุด ก็คือ การมี “สติและปัญญา” เครื่องมือที่จะนำพาทุกชีวิตก้าวข้ามวิกฤตไปได้
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่ 3 นี้ ดูจะยาวนานและหนักกว่าครั้งก่อน ๆ ทุกชีวิต ทุกอาชีพ ล้วนได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อปัญหาเศรษฐกิจส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ และปากท้องของผู้คน นำมาซึ่งความทุกข์ยาก ถึงแม้ร่างกายไม่ป่วย แต่จิตใจป่วย ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน หากลองพิจารณาดูดี ๆ จะพบว่า ในความทุกข์ที่เกิดขึ้นมักแฝงไปด้วยแสงสว่างแห่งปัญญา ที่นำมาซึ่งทางออก วิธีการแก้ไข เพื่อให้เราได้ปรับตัว ปรับใจ ให้ตั้งรับกับทุกสถานการณ์ได้อย่างมีสติ
สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ได้ให้โอวาท ว่า เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ทรงประทานพระคติธรรม ความว่า “ไม่มีชีวิตใดประสบแต่ความเกษมสุข ปราศจากทุกข์ภัยไปได้ตลอด” เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว จึงจำเป็นต้องขวนขวายสั่งสมความรู้ สติ ปัญญา สำหรับเป็นอุปกรณ์บำบัดความทุกข์อยู่ทุกเมื่อ เพื่อให้สมกับที่เราดำรงอัตภาพแห่งความเป็นมนุษย์ ผู้มีศักยภาพต่อการพัฒนา ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาด ซึ่งก่อให้เกิดความหวาดหวั่นครั่นคร้ามกันทั่วหน้า ทุกคนมีหน้าที่แสวงหาหนทาง เพิ่มพูนสติและปัญญา พร้อมทั้งแบ่งปัน หยิบยื่นให้แก่เพื่อนร่วมสังคม อย่าปล่อยให้ความกลัวและความหดหู่ท้อถอย มาบั่นทอนความเข้มแข็งในใจ เรายังต้องอยู่ร่วมกันในบ้านเมืองเรา เราจะไม่ทิ้งกัน
“การที่รัฐบาลขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการเพื่อส่วนรวมในการป้องกัน ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่างนั้น ก็เพื่อเป็นหลักในการปฏิบัติให้เกิดประโยชน์แก่ชนหมู่มาก เพื่อกำจัดความเบียดเบียนอันเกิดจากโรคภัย ลดการแพร่เชื้อ หากเราไม่ร่วมมือกัน ไม่สามัคคีกัน ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการข้ามพ้นวิกฤติ ขอให้ทุกท่านจงเป็นผู้กล้าหาญที่จะละทิ้งความเห็นแก่ตัว ความไม่ระมัดระวังตัว จงเป็นผู้ที่ไม่พูดพล่าม ปราศจากสาระ ก่อความร้าวฉานชิงชัง ในยามที่สังคมต้องการสาระและกำลังใจ แต่จงประพฤติตนเป็นบัณฑิต ผู้รู้รักษากายใจของตน ให้ปลอดโรคกาย โรคใจ ความทุกข์ยากลำบากที่เราทั้งหลายต่างเผชิญอยู่ ย่อมจะคลี่คลายได้ในไม่ช้า”
ทุกศาสนาล้วนมีหลักธรรมะ คำสอนให้ใช้ “สติและปัญญา” เมื่อเจอภาวะวิกฤต ให้สามารถเผชิญหน้ากับความกลัวด้วยสติ โรคภัยเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา ขณะนี้เป็นภาวะวิกฤต เชื้อไวรัสแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็ว ในฐานะพุทธศาสนิกชน สามารถน้อมนำหลักธรรมมาปฏิบัติ เพื่อสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่มากขึ้นในภาวะวิกฤต รวมทั้งฝึกจิตใจให้เข้มแข็งได้ นั่นคือ ทาน ศีล และภาวนา
1.ทาน คือ การให้วัตถุสิ่งของ ช่วยเหลือผู้ที่ลำบาก ให้ความรู้ ให้วิชาในการประกอบอาชีพ เมื่อต้องตกอยู่ในภาวะปรับตัวแบบกะทันหัน หากมีสิ่งใดช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ ก็ร่วมกันช่วยเหลือสนับสนุนอย่างเต็มกำลังความสามารถ
2.ศีล คือ การประพฤติชอบ ด้วยกาย วาจา ใจ ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันโรคอย่าอย่างเคร่งครัด เคารพกติกาสังคม เพื่อความปลอดภัยทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ย่อมจะช่วยให้สถานการณ์เป็นไปทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
3.ภาวนา คือ การพัฒนาจิตใจ ใช้เหตุและผลพิจารณาอย่างรอบด้านในการดำเนินชีวิต ในสภาวะวิกฤต ดูแลสุขภาพและป้องกันตนเอง
สสส.สนับสนุนและส่งเสริมให้คนไทยเป็นสังคมแห่งสุขภาวะ มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ และปัญญา นำไปสู่การเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ และใช้ศักยภาพของตนเองให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคม ซึ่งการดำเนินชีวิตโดยใช้สติและปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ จะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยนำพาให้เราผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ไปได้ รวมทั้งการปฏิบัติตนการดำเนินชีวิตตามหลักชีวิตวิถีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อย ๆ ไม่ปกปิดข้อมูล ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข หากเราทุกคนร่วมมือกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ใช้สติ มีธรรมนำชีวิต ความทุกข์ยากที่กำลังเผชิญอยู่นั้นย่อมบรรเทาเบาบางลง และผ่านพ้นไปได้
เนื่องในวันวิสาขบูชานี้ สสส. ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกท่าน ลด ละ เลิกปัจจัยเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งอบายมุขต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อของโควิด-19 รวมทั้งใช้โอกาสนี้น้อมนำพระธรรมคำสอนมาปฏิบัติใช้เพื่อให้เกิดสุขภาวะทางใจที่มั่นคง สร้างภูมิคุ้มกันให้จิตใจ และภูมิคุ้มกันทางกายไปพร้อมๆ กัน
ขอบคุณ สสส. https://twitter.com/thaihealth
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news