น้ำตาลทำให้แก่เร็ว จริงหรอ?
อย่ากินน้ำตาลเยอะเดี๋ยวแก่เร็ว อย่ากินหวานเยอะเดี๋ยวหน้าเหี่ยวก่อนวัย เราได้ยินคำนี้กันมานาน วันนี้มารู้คำตอบกันดีกว่าว่าจริงหรือไม่ หลังจากที่เราได้รู้ไปแล้วว่า กินเค็มทำให้ตัวบวมได้จริงๆ
น้ำตาลทำให้แก่เร็ว น่าจะจริง
หากดูจากหลายๆอย่างของงานวิจัย แล้วคำตอบของคำถามนี้น่าจะจริงเลยทีเดียว มีการศึกษาพบว่าการกินน้ำตาลในปริมาณมากสัมพันธ์กับการเกิดริ้วรอยและแก่ก่อนวัย และที่สำคัญ น่าตกใจว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นกับผิวเท่านั้น มันยังส่งผลให้อวัยวะภายในของเราแก่ก่อนวัยอันควรด้วย
แล้วน้ำตาลทำให้แก่ได้ยังไง
ขอสรุปให้ฟังง่ายๆไม่เจาะลึกละกันนะคุณผู้อ่านทุกท่าน
- ผิวหนังของเรามีโปรตีนคอลลาเจนและอีลาสตินเป็นองค์ประกอบหลัก
- เมื่อทานน้ำตาลมากๆ น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้น้ำตาลบริเวณผิวหนังขึ้นสูง
- พอขึ้นสูงปุ๊บเลยจับตัวกับโปรตีนทำให้เกิดสารประกอบที่ทำให้เกิดริ้วรอย
เหตุผลก็จะประมาณนี้ พอเกิดริ้วรอยทำให้เราแก่ก่อนวัย นอกจากนี้ยังทำให้ความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลง เกิดการหย่อนคล้อย น้ำตาลช่วยเร่งสารบางอย่างที่ปกติเพิ่มตามอายุอยู่แล้วให้ไวขึ้นไปอีก และยังส่งผลต่อระบบในร่างกายที่ทำให้การทำงานของระบบนั้นทำงานน้อยลง ทำให้ผิวเราแก่เร็วขึ้น
ส่วนในระบบร่างกายถ้าให้เข้าใจง่ายๆ คือ น้ำตาลนั้นเกี่ยวข้องกับการทำให้เซลล์ในร่างกายมีอายุสั้นลง ทำให้อวัยวะภายในแก่ลง
มีการศึกษาที่น่าสนใจคือ การศึกษาจากคนที่ดื่มเครื่องดื่มรสหวานจำนวน 5,309 คน คนที่ดื่มเป็นประจำมีขนาดของเซลล์สั้นหดลง (แก่ไวขี้น) ขณะเดียวกันกลุ่มที่ดื่มน้ำผลไม้เข้มข้น 100% มีขนาดของเซลล์ที่ยาวกว่า
การดื่มน้ำอัดลมประมาณ 2 กระป๋องต่อวัน อาจทำให้อายุเราสั้นได้ราวๆ 4.6 ปีเลยทีเดียว
ส่วนผลเสียอื่นๆ น้ำตาลเป็นอีกสาเหตุของโรคเบาหวาน ไขมันที่ตับ ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ได้อีกด้วย
สรุปน้ำตาลทำให้เราแก่เร็วขึ้นหากบริโภคในปริมาณมากและยังนำมาสู่โรคอื่นๆอีกด้วย ควรรับประทานอย่างพอเหมาะเพื่อสุขภาพต่อตัวเราเอง แวะเข้ามาพูดคุยเรื่องสุขภาพกันได้กับอัพเดทข่าวสารก่อนใครที่ กลุ่ม ไอ.เอ็น.เอ็น.และสำหรับใครที่ไม่อยากพลาดทุกเรื่องอินเทรนด์ สามารถติดตาม ข่าวหรือ ไลฟ์สไตล์ต่างๆได้ที่ iNN Lifestyle
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
ขอขอบคุณข้อมูล
มหาวิทยาลัยมหิดล คณะเภสัชศาสตร์
