ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวของคุณไอซ์ ศรัณยู ที่ออกมาเผยว่าตนป่วยจาก โรคกินไม่หยุด หลายคนยังไม่ค่อยเข้าใจโรคนี้เท่าไร ว่ามันเป็นอาการอยากเฉยๆหรือมันป่วยจริงๆ วันนี้ ไอ.เอ็น.เอ็น. จะขอพาทุกคนมาทำความรู้จักโรคนี้ให้มากขึ้น
โรคกินไม่หยุด
โรคกินไม่หยุด ภาษาอังกฤษคือ Binge Eating Disorder (BED) เป็นชื่อโรคที่ใช้เรียกผู้ที่มีอาการรับประทานอาหารในปริมาณมากผิดปกติ ที่สำคัญคือไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมการทานอาหารของตนเองได้ ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะทานมากกว่าปกติ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทานแม้จะไม่รู้สึกหิว หยุดกินต่อเมื่อกินต่อไม่ไหวเท่านั้น พอหยุดกินก็จะรู้สึกผิดกับตัวเองว่ากินมากไป
อาการของโรคกินไม่หยุด
- กินอาหารมากกว่าปกติ ปริมาณเยอะกว่าปกติ
- ไม่สามารถควบคุมความอยากของตัวเองได้ แม้ว่าจะอิ่มแล้วก็ตาม
- มักมีพฤติกรรมไปแอบกินอาหารเพียงคนเดียว เนื่องจากรู้สึกไม่ดี รู้สึกอายกับปริมาณอาหารที่ตัวเองกิน
- มีความรู้สึกผิด เศร้า โกรธ โทษตัวเองเมื่อทานมากเกินไป
สาเหตุของโรคกินไม่หยุด
ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาที่ชี้สาเหตุของโรคที่แน่ชัด แต่ก็มีการคาดการณ์ไว้หลายสาเหตุ เช่น
- ความผิดปกติในสมอง เช่น การเปลี่ยนแปลงของสารเคมีสมองบางอย่างทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้
- มีการกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจ อาจจะเคยถูกทำร้ายในอดีต เกิดความสูญเสีย ความกังวลในรูปร่าง
- โรคบางชนิด ผู้ป่วยที่เป็นโรคกินไม่หยุด อาจมีผลเกี่ยวเนื่องมาจากโรคทางจิตเวชได้ เช่น โรคซึมเศร้า ไบโพลาร์ ความเครียด
ป้องกันความเสี่ยงต่อโรคกินไม่หยุด
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ทำกิจกรรมเพื่อไม่ให้ตัวเองเครียด
มีหลายคนสงสัยว่าเรากินเยอะจะเป็นโรคนี้รึเปล่า หากเรากินเยอะ เช่น ไปกินบุฟเฟต์ กินเยอะเป็นบางมื้อ สามารถควบคุมตัวเองได้ก็เป็นปกติ แต่หากมีอาการหรือสงสัยก็เข้ารับการบำบัด ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาต่อไป
เป็นอีกโรคที่น่าเห็นใจคนที่เป็นโรคนี้เลยทีเดียว เพราะพวกเขากินด้วยเหตุที่ว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่ใช่กินด้วยความสุข เราควรเข้าใจคนที่เป็นโรคนี้และให้กำลังใจพวกเขา ไอ.เอ็น.เอ็น. ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเป็นอยู่ และสำหรับใครที่ไม่อยากพลาดทุกเรื่องอินเทรนด์ สามารถติดตามบทความสุขภาพดีๆหรือ ไลฟ์สไตล์ต่างๆได้ที่ iNN Lifestyle
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
ขอขอบคุณข้อมูล