ฟาวิพิราเวียร์ คือยาอะไร ทำไมใช้กับผู้ป่วยโควิดบางราย
ฟาวิพิราเวียร์(Favipiravir) คือยาอะไร
ฟาวิพิราเวียร์ คือยาต้านเชื้อไวรัส มีชื่อรหัสคือ T-705 พัฒนาโดยประเทศญี่ปุ่น ที่อยู่ในหลักสูตรยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 ของประเทศไทย โดยตอนแรกถูกขึ้นทะเบียนเพื่อใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ แต่เนื่องจากยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นยาต้านไวรัสที่ออกฤทธิ์กว้าง จึงใช้ได้กับโรคติดเชื้อไวรัสอื่นๆ เช่น ชิคุนกุนยา รวมถึง โควิด-19 ด้วย
การใช้ยาฟาวิพิราเวียร์กับผู้ป่วยโควิด-19
แพทย์ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์กับผู้ป่วยโควิด-19 ที่รับไว้ในสถานพยาบาล โดยใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการของโรค ไม่แนะนำให้ใช้กับผู้ที่ยังไม่มีอาการหรือใช้เพื่อป้องกันโรค
โดยจากผลการศึกษาชี้ว่าใช้ได้ดีที่สุดกับผู้ที่เริ่มติดเชื้อใหม่ๆที่มีความเสียหายของปอดไม่มาก มีอาการไม่มาก เพื่อช่วยลดความรุนแรงและการสูญเสีย
การทำงานของยาฟาวิพิราเวียร์ ถ้าจะอธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ คือ ช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายสามารถเข้าไปกำจัดไวรัสจนหมด หรือน้อยจนไม่สามารถก่อโรคได้อีก
การใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ไม่ได้ใช้กับทุกคน
การใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ อาจจะใช้กับผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ ในบางรายหากมีแนวโน้มที่จะป่วยหรือเป็นโรครุนแรง เช่น อายุมาก เบาหวาน อ้วน เป็นต้น
อีกเหตุผลคือหากใช้ยามากเกินไปจะส่งเสริมการดื้อยาของเชื้อไวรัส ทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง
ล่าสุดกับการที่ให้รักษาตัวที่บ้าน ทำให้ยาฟาวิพิราเวียร์นั้นเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เบื้องต้นที่มีการพูดคุยกันไว้คือ หากเริ่มมีอาการเชื้อลงปอดก็จะรีบนำส่งยาให้ผู้ป่วยทานเพื่อรักษาอาการและลดการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด
ไทยลุ้นข่าวดี ผลิตเองได้
มีการเผยว่า ความคืบหน้าการวิจัยและพัฒนาการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ในประเทศสำหรับต้านไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาลมีความคืบหน้ามากขึ้น มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างความมั่นคงทางยาในประเทศไทย เพราะสามารถสังเคราะห์สารตั้งต้นที่มีความบริสุทธิ์ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน และยังเป็นการสังเคราะห์จากสารตั้งต้นที่มีราคาถูกโดยไม่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ที่ ไอ.เอ็น.เอ็น. และสำหรับใครที่ไม่อยากพลาดทุกเรื่องอินเทรนด์ สามารถติดตามบทความสุขภาพดีๆหรือ ไลฟ์สไตล์ต่างๆได้ที่ iNN Lifestyle
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news