Home
|
ไลฟ์สไตล์

วิธีเอาเสี้ยนออก

Featured Image

          เสี้ยน เล็กแต่บาดไปถึงใจ จะเศษไม้ เศษพลาสติก อะไรก็เจ็บลึกทั้งนั้น ปกติแล้วเราสามารถเอาเสี้ยนออกเองได้ แต่ก็ควรรักษาความสะอาดด้วยเพื่อไม่ให้บริเวณที่เอาเสี้ยนออกนั้นติดเชื้อ วันนี้เราได้รวบรวมวิธีเอาเสี้ยนออกมาให้แล้ว 

          สังเกตก่อนว่าเอาออกเองได้หรือไม่ 

          เริ่มแรกดูก่อนว่าเราสามารถเอาเสี้ยนออกเองได้ไหม เป็นอันตรายรึเปล่า โดยดูปัจจัยดังต่อไปนี้

  • ตำแหน่งของเสี้ยน
  • เสี้ยนอยู่ลึกแค่ไหน
  • ขนาดของเสี้ยน
  • ทิศทางของเสี้ยน 

          หากดูแล้วรู้สึกว่าไม่สามารถที่จะดึงออกเอง หรือ รู้สึกว่ามีอันตราย แนะนำว่าควรไปหาแพทย์เพื่อทำการเอาออก แต่หากดูแล้วสามารถเอาออกได้ ก็มีวิธีดังต่อไปนี้ 

แหนบ ที่คีบ 

เสี้ยนเล็กๆ มีปลายโผล่ออกมา วิธีที่เอาออกที่นิยมคือการเอาแหนบ ที่คีบดึงออกมา โดยควรทำตามขั้นตอนดังนี้

  • ฆ่าเชื้อที่อุปกรณ์ด้วยแอลกอฮอล์ก่อน
  • บีบเบาๆ บริเวณที่ต้องการจะดึงเพื่อให้เสี้ยนเด่นออกมา
  • ค่อยๆ ดึงเสี้ยนออกช้าๆ 

เทป

บางคนใช้เทปช่วยดึงเสี้ยนที่อยู่ลึกออกมา โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • ทำความสะอาดให้เรียบร้อย
  • ติดเทปที่เสี้ยน 
  • รอเวลาสักพัก (ตามข้อมูลแนะนำ 30 นาที)
  • ดึงเทปออก เสี้ยนก็จะออกมาด้วย

*วิธีนี้ตัวผู้เขียนก็ไม่เคยลองเหมือนกัน รู้สึกว่าใช้เวลานานกับยากไปนิด

เข็ม

กรณีเสี้ยนทะลุผิว ไม่มีปลายออกมาให้เห็นเลย เราอาจจะใช้เข็มเล็กๆ สะกิดหรืองัดขึ้นมาเพื่อให้ใช้แหนบดึงได้ (บางคนเอาเข็มจิ้มแล้วงัดออกเลย แต่ก็ระวังเนื้อเปิด)

  • ฆ่าเชื้อที่อุปกรณ์ให้เรียบร้อย
  • เจาะผิวหนังด้วยเข็ม สะกิดให้เสี้ยนโผล่ออกมา
  • บีบเบาๆ แล้วใช้แหนบดึงออกมาจะปลอดภัยที่สุด 

          ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ควรระวังเรื่องความปลอดภัยและความสะอาดเป็นลำดับแรก ปลอดภัยสุดก็คือให้แพทย์เป็นคนทำ และจะต้องระวังมากขึ้นหากสิ่งที่ตำนั้นเป็นหนามหรือเข็มของสัตว์ที่มีพิษ การไปหนีบอาจจะทำให้แตกกระจายเป็นเศษและบางทีอาจจะอันตรายมากกว่าเดิมก็ได้นะทุกคน และสำหรับใครที่ไม่อยากพลาดทุกเรื่องอินเทรนด์ สามารถติดตามบทความสุขภาพดีๆหรือ ไลฟ์สไตล์ต่างๆได้ที่ iNN Lifestyle 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

ขอขอบคุณข้อมูล 

medicalnewstoday

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube