สถานการณ์โควิด 19 ของบ้านเราในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงที่รุนแรงมากขึ้น ผู้ป่วยเป็นจำนวนมากที่กำลังรอการรักษาทั้งในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามก็ตาม โดยสำหรับใครที่ทราบผลตรวจแต่ยังไม่มีอาการหรือมีอาการไม่หนักที่จัดอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว
และสำหรับใครที่มีอาการบางอย่างแต่ยังไม่รู้ผลการติดเชื้อ สำนักข่าว iNN ขอแนะนำ 4 ยารักษาตามอาการโควิดที่พบได้ในส่วนใหญ่ทั้ง 4 อาการ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับทุกคนที่กำลังดูแลตัวเองอยู่ที่บ้าน
เป็นไข้
หากมีอาการไข้ขึ้นตัวร้อนควรทานยาพาราเซตามอลเพื่อรักษาไข้ไม่ให้อุณหภูมิร่างกายเกิน 38 องศาเซลเซียส
- ผู้ใหญ่ทานยาพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม จำนวน 2 เม็ด ในทุกๆ 4 – 6 ชั่วโมง
- เด็กเล็กน้ำหนัก 10 กิโลกรัม ทานปริมาณ 5 ซีซี (1 ช้อนชา)
- เด็กน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ควรเพิ่มปริมาณเป็น 2 เท่าจากสูตรเดิม คือ 10 ซีซี (2 ช้อนชา)
ในกรณีหากผู้ป่วยมีอาการไข้ขึ้นและอุณหภูมิมากกว่า 38 องศา ต้องเช็ดตัวทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเกิดอาการชักผ่านการซับตัวผู้ป่วยตามบริเวณข้อพับต่างๆของร่างกายด้วยน้ำอุณหภูมิห้องจนกว่าผ้าจะอุ่น จากนั้นค่อยเช็ดบริเวณแขนและขาของผู้ป่วย โดยเช็ดจากปลายแขนและขาเข้ามา
อาการไอ
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไอ ควรทานยาแก้ไอ เดกซ์โทรเมทอร์แฟน(Dextromethorphan) เพื่อยับยั้งอาการ
- ควรทานปริมาณตามคำแนะนำของเภสัชกรหรือแพทย์เพื่อให้รับปริมาณที่เหมาะสม
- ยาตัวนี้เป็นเพียงตัวยาเพื่อบรรเทาอาการไอเท่านั้น ไม่ได้ช่วยรักษาอาการไวรัสลงปอดแต่อย่างใด
มีเสมหะ
สำหรับผู้ป่วยที่รู้สึกหายใจลำบากจากเสมหะ ควรทานยา NAC Long ที่เป็นยาเม็ดฟู่ละลายน้ำ
- ชงกับน้ำเปล่าเพียงวันละ 1 เม็ด หรือตามคำแนะนำของเภสัชกรหรือแพทย์
- ตัวยาช่วยละลายเสมหะบริเวณทางเดินหายใจ ขับเสมหะจากหลอดลมและปอด
ท้องเสีย
เมื่อเกิดอาการท้องเสียบ่อยครั้งใน 1 วัน ควรชงผงเกลือแร่ ORS กับน้ำดื่มเพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่ถูกขับถ่ายออกไป รวมถึงยังช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย โดยสามารถจิบได้ตลอดทั้งวันเมื่อยังมีอาการ
- สามารถผสมเกลือครึ่งช้อนชา น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำต้มสุข 750 มิลลิลิตร ทดแทนได้
- น้ำอัดลมผสมเกลือเล็กน้อยก็สามารถทดแทนผงเกลือแร่ ORS ได้เช่นเดียวกัน
- ไม่แนะนำให้ดื่มเกลือแร่สำหรับออกกำลังกายเพราะอาจทำให้ท้องเสียมากกว่าเดิม
การที่เราสามารถดูแลรักษาอาการได้ด้วยตัวเองในกลุ่มผู้ป่วยที่ยังไม่มีอาการร้ายแรงหรือกลุ่มสีเขียวนั้น จะช่วยให้เราลดการใช้เตียงสาธารณะลง และยังเป็นการแบ่งเตียงให้แก่ผู้ป่วยที่หนักกว่าสามารถเข้าสู่การรักษาได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย
สำนักข่าว iNN ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน หวังว่าเราจะกลับมาโชว์รอยยิ้มให้แก่กันโดยไม่ต้องสวมหน้ากากกันเร็วๆ สามารถติดตามบทความสุขภาพดีๆหรือ ไลฟ์สไตล์ต่างๆได้ที่ iNN Lifestyle
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news