อรุณเบิกฟ้าเป็นสัญญาณวันใหม่ หลายคนคงกำหนดให้ปีใหม่นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงชีวิต แต่ทำไมกันนะไม่ว่าผ่านไปกี่วันกี่เดือนเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ก็ยังไม่มีวี่แววเป็นรูปเป็นร่างเลย มิหนำซ้ำยิ่งเห็นคนอื่นชีวิตดี๊ดี ยิ่งทำให้เราน้อยเนื้อต่ำใจมากไปกว่าเดิม คงถึงเวลาแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งที่เราต้องจริงจังสักที วันนี้เรามีมุมมองใหม่ๆมาแนะนำเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวคุณให้เป็นคนใหม่กัน
จงเชื่อว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้
คิดจะทำการใหญ่ใจต้องมั่น แม้จะมีหลายคนที่เชื่อและมุ่งมั่นกับความคิดต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ด้วยระยะเวลาและสิ่งล่อใจต่างๆกลับกลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้เราท้อถอยจนทำเท่าไหร่ก็ยังไม่เห็นผลสักที แย่ไปกว่านั้นบางคนอาจมีอคติกับการเปลี่ยนแปลงว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยก็ได้
ซึ่งที่จริงแล้วสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับผู้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงนั่นก็คือการไม่ยอมหลีกเลี่ยงจากชีวิตความเป็นอยู่แบบเดิม แม้ไลฟ์สไตล์แบบเก่าของเราจะสร้างความอึดอัดไม่พอใจจนขนาดอยากหลีกหนีไปเป็นคนใหม่แต่มันก็ง่ายกว่าการฝืนธรรมชาติของตัวเองและทำให้เรารู้สึกปลอดภัยจากอนาคตที่เราจินตนาการเอาไว้
ทางที่ดีจึงควรเริ่มจากการเชื่อในการเปลี่ยนแปลงว่าสามารถเกิดขึ้นได้จริงและอย่าลืมพกความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงติดตัวไปด้วยเสมอๆเพื่อต่อสู้กับความกลัวที่เราจินตนาการขึ้นมา หากเราอยากเป็นคนใหม่ที่กล้าแสดงออก ก็ต้องลองหลับหูหลับตาไม่สนใจความกลัวและกล้ายกมือแสดงความคิดเห็นเพื่อเร่ิมต้นใหม่เช่นเดียวกัน
อย่าปล่อยให้อดีตตัดสินอนาคต
เพราะการเติบโตของคนเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ อดีตที่ไม่อบอุ่น วัยเด็กที่เต็มไปด้วยความกดดันหรือช่วงเวลาหนึ่งที่เคยถูกทำให้อับอาย จนกลายเป็นปมฝังใจสำหรับบางคนจนคิดว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แม้จะอยากเป็นคนที่ดีกว่านี้ก็ตาม
เราขอเป็นกำลังใจให้ก้าวข้ามเพื่อไปต่อและอย่าให้อดีตเป็นเพียงสิ่งเดียวที่กำหนดตัวตนทั้งชีวิตข้างหน้าของคุณ แม้คนอื่นอาจบอกว่าความบอบช้ำในอดีต เป็นต้นเหตุของความทุกข์ในปัจจุบัน แต่นักจิตวิทยาอย่างอัลเฟรด แอด เลอร์กลับมองว่าประสบการณ์ในอดีตไม่ใช่สาเหตุของความสำเร็จหรือความล้มเหลวในปัจจุบัน รวมถึง ‘แผลใจ’ ก็ได้ไม่ทำให้เราทุกข์ทรมาณ
ดังนั้นแล้ว ชีวิตของคนเราจึงไม่ได้ถูกกำหนดโดยประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่ถูกกำหนดโดยความหมายที่ตัวเรามอบกับประสบการณ์นั้นต่างหาก ยิ่งมองอดีตเป็นแผลใจขนาดไหน นั่นก็ยิ่งทำให้ชีวิตปัจจุบันและอนาคตของเราไม่เปลี่ยนไปจากเดิม เหตุก็เพราะจิตใจของเรายังคงติดกับความหลังที่ฝังใจจนไม่กล้าก้าวออกไปนั่นเอง
บทส่งท้ายเพื่อเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง
จะดีกว่ารึเปล่า? ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองให้อดีตเป็นต้นทุนชีวิตเพื่อได้ก้าวต่อไป แม้จะน้อยนิดกว่าคนอื่นก็ตาม การเปลี่ยนแปลงตัวเองในแต่ละครั้งก็เหมือนกับการทำแบบสอบถามกับภาวะจิตใจและอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองว่าตอนนี้เราเป็นคนอย่างไรและอยากเป็นคนแบบไหน รวมถึงทำให้เข้าใจว่าปัญหาของการเปลี่ยนแปลงเกือบทั้งหมดล้วนเกิดมาจากจิตใจของเราด้วยเช่นกัน
อาจมีสภาวะแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย เช่นเรื่องเวลาและบทบาทหน้าที่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถเริ่มต้นเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองได้สักทีเดียว ในขั้นตอนนี้อาจจะไม่ต้องโฟกัสไปถึงอนาคตจนรู้สึกเคร่งเครียดว่าเมื่อไหร่ฝันจะเป็นจริงสักที ขอแค่เราลองจริงจังและทุ่มเทให้กับ ‘วินาทีนี้’ เป็นสิ่งสำคัญและพกความกล้าติดตัวไปทุกที่ก็พอ เราพร้อมเป็นกำลังใจให้กับ นักเปลี่ยนแปลงทุกคน
ติดตามบทความดีๆที่จูงมือคุณก้าวข้ามปีใหม่ไปด้วยกันที่ iNN Lifestyle
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ กล้าที่จะถูกเกลียด โดย คิชิมิ อิชิโระ และ โคะกะ ฟุมิทะเกะ