ยิ่งยืดยาวยิ่งเพิ่มความอร่อย สีเหลืองสดใสที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมรสชาติที่เฉพาะตัว วันนี้ขอเชิญมาทำความรู้จัก ชีส อาหารจากสวรรค์ ต้นกำเนิดของ 20 มกราคม วันคนรักชีส
กว่า 6,000 ปี ที่มนุษย์ได้รู้จักความเอร็ดอร่อยผ่านก้อนเนยแข็งสีเหลืองในอีกชื่อ ‘ชีส’ จะกินสดก็ฟิน หรือให้ความร้อนจนละลายก็ยิ่งฟินกว่า จึงไม่แปลกใจที่วัตถุดิบกลิ่นเฉพาะตัวทำมาจากน้ำนมนี้สามารถครองใจใครหลายๆ คน
ที่มาอันแสนบังเอิญของก้อนชีส
ชีส มีรากศัพท์เดิมมาจากภาษาละตินว่า Caseus แปลว่าก้อนโปรตีนจากน้ำนม เป็นนวัตกรรมการถนอมอาหารอีกแบบหนึ่งที่เปลี่ยนให้ของเหลวสีขาวนวลหมดอายุง่าย กลายสภาพเป็นก้อนนุ่มนิ่มแสนอร่อยที่ย่ิงมีอายุนานยิ่งอร่อย
ย้อนกลับไป 5,000 – 6,000 ปีก่อน บนเส้นทางทะเลทรายสุดกว้างไกล ชายชาวอาหรับกระหายน้ำเลยหยิบถุงน้ำนมที่ทำมาจากกระเพาะแพะขึ้นดื่ม แต่สิ่งที่ได้กลับมาเป็นน้ำเหลวขุ่นๆ พร้อมกับก้อนมันๆ ขาวๆ แสนอร่อยแทน ต้นกำเนิดของชีสจึงกลายเป็นสิ่งที่ถูกเริ่มขึ้นโดยความบังเอิญนี้เอง
หากคิดจะทิ้งก้อนโปรตีนแสนอร่อยนี้ก็คงไม่ได้ วัฒนธรรมการผลิตชีสจึงถือกำเนิดขึ้นนับตั้งแต่นั้นผ่านการหมักนมในกระเพาะสัตว์ ส่วนสาเหตุที่ต้องเป็นกระเพาะสัตว์เท่านั้นก็เพราะเจ้า “เรนนิน” (Rennin) เอนไซม์ที่พบได้ในกระเพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเท่านั้น
โดยเจ้าเอนไซม์นี้จะคอยจับโปรตีนในนมวัวให้แยกส่วนเป็นก้อนชีสและน้ำใสๆ ออกจากกัน ก่อนที่สมัยนี้จะหันมาใส่ใจเรื่องสิทธิสัตว์หันมาสังเคราะห์เรนนิน จากเชื้อรา และเปลี่ยนชื่อเป็น เรนเนท (Rennet) แทน เราคงรู้สึกไม่ดีแน่ๆ ถ้าชีสในพิซซ่าที่เรากินมาจากก้อนนมที่กลิ้งกลุกกลักๆ ในลำไส้วัว
ปัจจุบันมี 6 ประเทศที่ยังคงรักษาวิธีการผลิตชีสแบบดั่งเดิม ได้แก่ อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมันอังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ รวมถึงสร้างสรรค์ชีสมากกว่า 10 ชนิดทั่วโลก
ขอขอบคุณหนุ่มอาหรับคนนั้นที่เอานมใส่กระเพาะแพะ จนเราได้ฟินทุกครั้งที่ได้กินพิซซ่า สปาเก็ตตี้ และอีกล้านสิ่งที่ใส่ชีสลงไป จากใจคนรักชีสเพื่อคนรักชีส
ติดตามสาระสนุกๆ ที่พร้อมเสิร์ฟทุกวันไม่แพ้เชฟร้านภัตตาคารต่ออีกที่ iNN Lifestyle
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews