เริ่มเลยซีซั่น 6 สำหรับเชื้อโควิด-19 ที่ยังเป็นปัญหาให้แก้ไขตลอดเกือบ 3 ปี พร้อมกับสายพันธุ์โอมิครอน XE สายพันธุ์ลูกผสมใหม่ล่าสุดในตอนนี้ ที่องค์การอนามัยโลกประกาศ (WHO) ออกคำเตือนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่าอาจแพร่พันธุ์ได้เร็วที่สุด มาเรียนรู้ภัยอันตรายเพื่อความปลอดภัยกันดีกว่า
โอมิครอนลูกผสม XE เกิดจากอะไร?
เมื่อ 31 มีนาคม 2565 องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกคำเตือนเกี่ยวกับเชื้อโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ลูกผสม ที่ตั้งชื่อให้ว่า โควิดโอมิครอนXE ซึ่งเป็นเชื้อโควิด-19 ที่เกิดจากการผสมระหว่างสายพันธุ์โอมิครอน BA.1 และโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.2 เข้าด้วยกัน และสามารถแพร่ติดเชื้อได้เร็วกว่า 10% เมื่อเทียบกับโอมิครอนสายพันธุ์ BA.2 ดั้งเดิม
สำหรับเชื้อไวรัส โอมิครอนลูกผสม XE ถูกพบครั้งแรกในสหราชอาณาจักรช่วงเดือนมกราคม แพร่เชื้อสู่พลเมืองอังกฤษไปแล้วกว่า 673 ราย และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเฉียดสายพันธุ์ BA.2 ที่เป็นโอมิครอนสายพันธุ์ที่กำลังคลองเกาะอังกฤษในขณะนี้ รวมถึงในฮ่องกงเองก็พบผู้ติดเชื้อโอมิครอน XE แล้ว 2 ราย เช่นเดียวกันบ้านเราเองที่พบผู้ป่วยสายพันธุ์ดังกล่าวเป็นรายแรกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
โอมินครอน XE ไม่น่ากลัว?
แม้องค์การอนามัยโลก หรือ WHO จะออกประกาศเฝ้าระวังเจ้าเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์พิสดารนี้ถึงความรวดเร็วในการแพร่เชื้อไวรัส แต่ก็สบายใจได้ในส่วนหนึ่งเพราะจากการตรวจสอบ โอมิครอนXE ไม่มีความรุนแรงมากหรือน้อยกว่าสายพันธุ์ BA.2 แต่อย่างใด รวมถึงไม่พบการหลบภูมิวัคซีนด้วยเช่นกัน จึงทำให้โล่งใจว่าหากแขนเรามีวัคซีนป้องกันสายพันธุ์ BA.2 ก็สามารถป้องกันสายพันธุ์ XE ได้แน่นอน
ทั้งนี้ในไทยเอง นายแพทย์ ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็ออกมาระบุว่า โอมิครอนสายพันธุ์ลูกผสม XE ยังไม่น่ากังวลแม้จะเป็นสายพันธุ์ใหม่ เพราะเป็นเรื่องปกติของไวรัสที่จะมีการผสมข้ามสายพันธุ์ หรือ ผสมด้วยกันเอง รวมถึงข้อมูลนักไวรัสวิทยาก็ระบุว่าหน้าตาไวรัสสายพันธุ์ XE ไม่ได้แตกต่างจากสายพันธุ์ BA.2 วอนพี่น้องประชาชนอย่าพึ่งตื่นตระหนกขณะที่วัคซีนยังคงป้องกันได้อยู่
ถึงชื่อจะดูน่ากลัวและล้ำอนาคตไปมากสำหรับ โอมิครอนลูกผสมXE แต่หากเราได้รับการจัดสรรวัคซีนที่มีคุณภาพแล้วก็สามารถรับประกันความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง และเพื่อความชัวร์ให้มากขึ้นเราเองก็อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือเช่นเดียวกัน
สามารถติดตามเรื่องของสุขภาพและการป้องกันโรคต่างๆผ่านเราไดที่ iNN Lifestyle
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews