ป่าไม้จะเรียกคือลมหายใจและความอยู่รอดของคนเราก็คงไม่ผิดนัก เพราะป่าไม้เป็นปอดของโลกที่ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสร้างออกซิเจนให้แก่เรา อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่รวมความหลากหลายทางชีวะภาพที่ช่วยสร้างสมดุลทางธรรมชาติ แต่ป่าไม้กลับเป็นสิ่งที่ถูกรุกล้ำและทำลายมากที่สุด จึงมีการกำหนดให้วันที่ 14 มกราคมของทุกปีเป็น วันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ
วันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ นั้นเริ่มมาจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีหนังสือติดคำว่าด่วนมาก กษ 0709/382 ลงวันที่ 4 มกราคม 2533 โดยเรียนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขออนุมัติให้วันที่ 14 มกราคมของทุกปี เป็น “วันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ” สาเหตุที่เลือกวันที่ 14 นั้น พิจารณาจาก เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2532 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2484 และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 พระราชกำหนดดังกล่าวได้ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยความเห็นของคณะรัฐมนตรี มีอำนาจสั่งการให้สัมปทานป่าไม้สิ้นสุดลงทั้งแปลงได้อันเนื่องจากอุทกภัยภาคใต้ที่เกิดขึ้น
อีกทั้งพายุโซนร้อนเกย์ ได้ก่อความเสียหายอีก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำรัส และพระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2532 โดยสรุปว่า ทรงห่วงใยในสภาพแวดล้อมของประเทศ ขอให้แก้ไขอย่างจริงจังด้วยการเผาให้น้อยลง และปลูกต้นไม้ให้มากขึ้น
ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงพิจารณาเห็นว่า ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากสาเหตุการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ต้องทำการรณรงค์ต่อเนื่องในระยะยาวเพื่อให้ประชาชนตระหนักและให้ความสำคัญต่อภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นได้จากการตัดไม้ทำลายป่า คณะรัฐมนตรีได้ลงมติเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2533 กำหนดให้วันที่ 14 มกราคม เป็นวันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ
ที่กล่าวมานั้นคือที่มาอย่างเป็นทางการของวันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ จะขอพูดถึงประโยชน์จากป่าไม้นั้นมีมากมายขนาดไหน โดยแบ่งเป็นประโยชน์ทางตรงที่เราสามารถใช้กับป่าไม้ได้เลย กับประโยชน์ทางอ้อมที่ป่าไม้ได้มอบเป็นของขวัญให้เราโดยไม่รู้ตัว
ประโยชน์ทางตรงป่าไม้ได้มอบความต้องการพื้นฐานของมนุษย์หรือปัจจัยสี่ได้อย่างครบถ้วน ที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่มห่ม ยารักษาโรค ล้วนแล้วแต่สามารถหาได้จากป่าไม้โดยตรง หรือสามารถแปรรูปสิ่งต่างๆมาใช้ในชีวิตประจำวันได้
ประโยชน์ทางอ้อมนั้น ป่าไม้ช่วยสร้างสมดุลธรรมชาติให้กับมนุษย์ให้สามารถอยู่อาศัยได้อย่างสบาย เช่น ช่วยรักษาน้ำและดิน ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์นั้นช่วยลดความรุนแรงของเม็ดฝนที่ตกลงมาสู่ดิน ทำให้หน้าดินไม่ถูกพัดพาไป พร้อมเก็บน้ำให้ป่าชุ่มชื้นตลอดปี มีแหล่งน้ำธรรมชาติหมุนเวียนอยู่เสมอ ช่วยป้องกันอุทกภัย น้ำป่าไหลบ่า เป็นแหล่งของพืชและสัตว์ที่สร้างระบบชีวภาพ เป็นแหล่งหากินของคน และที่ทันกระแสหน่อยสมัยนี้ป่าไม้ยังเป็นที่พักผ่อนใจสำหรับสายท่องเที่ยว สายเดินป่า สายแคมป์ปิ้งอีกด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news