ประวัติสมจิตร จงจอหอ เจ้าของประโยคตำนาน “ผมเจ็บมาเยอะ” ที่กล่าวหลังคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2008 และคว้าใจคนไทยทั้งประเทศ
ประวัติเจ็บ สมจิต จงจอหอ
สมจิตร จงจอหอ เกิดเมื่อ 19 มกราคม พ.ศ. 2518 ที่บ้านหนองพลวง ตำบลโกรกแก้ว อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ ในฐานะลูกคนสุดท้องของบ้านที่เปิดค่ายมวย“ลูกโคกรัก” แรกเริ่ม น้อย (สมจิตรในปัจจุบัน) ไม่ได้เป็นพุ่งกับเส้นทางกำปั้นสักเท่าไหร่ อย่างมากก็แค่ฝึกฝนในค่ายตามพ่อไปตามประสาลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
แต่จุดเทิร์นนิ่งพ้อยแรกของการชิมลางสังเวียน มาถึงตอนอายุ 10 ขวบ ที่อยากซื้อปืนแก๊บแต่ไม่มีสตางค์ ทางเดียวที่จะหาเหรียญมาถลุงความฝันนี้ได้ก็มีแต่ลานมวยที่จัดในงานวัดที่เดียวกัน ด้วยเชิงมวยที่ฝึกมาอย่างเดียว จึงไม่แปลกใจว่าทำไม น้อย ถึงเอาชนะมาอย่างไม่ยากเย็นและได้เหน็บปืนของเล่นไว้ข้างเอว
จากเงินซื้อปืนแก๊บ เริ่มกลายเป็นความภาคภูมิใจและเป็นภาพฝันว่าต่อไปชื่อของ สมจิตร จะต้องโด่งดังเช่นเดียวกับ เขาทราย กาแลกซี่ ฮีโร่หมัดสุดโด่งดังในยุคนั้น ประกอบกับปัญหาการเงินของครอบครัวที่ส่งเรียนต่อไม่ไหว ยิ่งทำให้เส้นทางเป็นนักมวยเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
สมจิตร ออกจากค่ายมวยที่บ้านเพื่อไปฝึกวิชาในค่าย ว.ปรีชา ที่ชลบุรี ในฐานะคู่ซ้อมที่โดนเพื่อนร่วมค่ายโน้มคอตีไม่เว้นแต่ละวันจนวิชากล้าแกร่ง แม้ไม่ถึงแชมป์แต่ก็ล้มมวยดังได้หลายคนจนหลายคนขยาด แต่ก็เป็นภัยที่ต้องเจ็บอีกครั้ง เพราะฝีมือชั้นเซียนแบบนี้ทำให้ไม่มีใครกล้าสู้ จนต้องขุนตัวเองไปชกพิกัดอื่น ก่อนจะแพ้ยับเยิน เงินหมด ทิ้งสังเวียนไปเลียแผลใจในชุดผ้าเหลืองทันที
หลังบวชสมใจ สมจิตร กลับไปสู้ชีวิตใหม่ที่กรุงเทพเมืองล่าฝันก่อนจะพบว่ามีการรับสมัครนักมวยโอลิมปิก สมจิตรในฐานะทีมชาติคว้าใจคว้าใจชิงโควตามาหลายปี แต่สถานะที่ครองได้ ณ ตอนนั้นก็เป็นแค่คู่ซ้อมของว่าที่นักกีฬาชิงเหรียญโอลิมปิกไทย
นับตั้งแต่ โอลิมปิกเกมส์ปี 2000 ไปจนถึงปี 2004 สมจิตรยิ่งไม่สมใจตัวเองไปทุกที พร้อมกับเวลาชีวิตที่เพิ่มอายุตัวเองแต่ละวัน ยิ่งทำให้ต้องเร่งสปีดมากกว่าเดิม แม้จะไม่เร็วเท่าเวลา แต่ต้องเร็วพอให้คว้าเหรียญทองเหมือนเพื่อนคนอื่นๆให้ได้
ซึ่งการเดินทางผ่านนวมและฟันยางคงไปไกลได้แค่สถานีปักกิ่ง งานโอลิมปิกปี 2008 เท่านั้นด้วยเลขอายุ 33 ถ้าให้บรรยายภาพต่อจากนี้ก็คงเป็นเหมือนหนังที่พระเอกเทหมดหน้าตักเพื่อสู้กับตัวร้ายและขึ้นเอนเครดิตในที่สุด สมจิตร ก็เช่นกัน หลังรอคอยมา 12 ปี วันนี้(เมื่อสิบสี่ปีที่แล้ว) ได้คว้าเหรีญทองประดับตู้ในที่สุด
ปัจจุบัน สมจิตร จงจอหอ ผันตัวเป็นโค้ชและเข้ารับงานในวงการบันเทิงเรียบร้อย ตามมาด้วยความภาคภูมิใจหลายอย่าง มากับสโลแกนในตำนานของเด็กหนุ่มยุคนั้นว่า “ผมผ่านมาเยอะ เจ็บมาเยอะ” ที่จุดไฟสู้ได้เป็นอย่างดี
ติดตามเรื่องราวย้อนวันวานแบบนี้ต่อได้ที่ iNN Lifestyle
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews