Sex เป็นหนึ่งในสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตคู่ ซึ่งแต่ละคู่ก็จะมีรสนิยมทางเพศที่แตกต่างกันออกไป เช่นมีกลุ่มคนที่ชื่นชอบความเจ็บปวดหรือการใช้ความรุนแรงในขณะที่มีเซ็กส์ ซึ่งรสนิยมดังกล่าวมีชื่อเรียกที่ทุกคนคงจะเคยได้ยินผ่านหูกันว่า “BDSM”
ด้วยความน่าสนใจในเรื่องของการมีความสุขเมื่อได้รับความเจ็บปวด ทำให้ผู้ผลิตภาพยนตร์เลือกจะนำรสนิยมดังกล่าวมาสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยมีเนื้อหาจะมีการตีแผ่เรื่องราวของรสนิยม BDSM ให้ผู้คนได้รู้จักมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น Fifty Shades Of Gray หรือ 365 Days ที่ตัวละครมีรสนิยมชอบใช้ความรุนแรงหรือเสพติดความเจ็บปวด กระทั่งประเทศใกล้บ้านเราอย่างประเทศเกาหลีก็มีซีรีส์ Love and Leashes ที่ตีแผ่เรื่องราวของ BDSM เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในสังคมไทย BDSM กลับถูกมองว่าเป็นเรื่องแปลกและยังไม่เปิดกว้างเท่าที่ควร ในวันนี้ เราจะพาทุกคนมารู้จักกับรสนิยมทางเพศอีกรูปแบบหนึ่ง ที่แปลกแต่ก็มีความน่าสนใจในตัวของมันเอง ถ้าพร้อมแล้วก็เชิญเข้าสู่โลกของ BDSM กันได้เลยยย!
รสนิยมที่แตกต่าง
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องของ BDSM เราจะพูดถึงรสนิยมของแต่ละคนกันก่อน โดยรสนิยมทางเพศของคนเราจะมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับบุคคล โดยที่เห็น ๆ กันก็จะมีรสนิยมรักต่างเพศและเพศเดียวกัน แต่ถ้าลึกไปอีกก็จะพบว่ามีบางคนมีรสนิยมที่ค่อนข้างแปลก เช่น
- มีอารมณ์นอกสถานที่
- มีอารมณ์เมื่อได้มอง (ต่อให้การมองนั้นจะเป็นการมองคนรักตัวเองมีเซ็กส์กับคนอื่นโดยที่ตัวเองนั่งเฉย ๆ ก็ตาม)
- มีอารมณ์เมื่อมีเซ็กซ์กับคนมากกว่า 1 คนขึ้นไป
- มีความชื่นชอบวัตถุ
- มีอารมณ์เมื่อถูกมัด
- ชอบการสวมบทบาท คอสเพลย์
- ชอบการใช้กำลัง
ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีเคสหลายเคสที่ถูกยกเป็นเคสประหลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คนที่รู้สึกรักหอไอเฟล กับรักโคมระย้า หรือมีความรู้สึกทางเพศกับโต๊ะ หุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้นมากกว่าคน บางคนมีอารมณ์กับเสียงสูงต่ำ เสียงสองเสียงสาม หรือเสียงซ่า ๆ ของทีวี
อย่างไรก็ตาม ความชอบหรือรสนิยมเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องผิด ตราบใดที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น และยังอยู่ในขอบเขตของความปลอดภัย ซึ่งในกรณีนี้ BDSM ก็เป็นหนึ่งในรสนิยมที่ได้รับความสนใจจากผู้คนเช่นเดียวกัน
BDSM ความเจ็บปวดที่งดงาม
หลังจากเกริ่นถึงเรื่องรสนิยมกันพอสมควรแล้ว เราก็จะเข้าสู่เรื่องราวของ BDSM กันอย่างจริงจัง BDSM เป็นความตื่นเต้นที่เล่นกับประสาทสัมผัส อย่างการปิดตา การพันธนาการด้วยเชือกหรือ การทำโทษ โดยการสวมกุญแจมือ การโดนตบ โดนตี โดนเฆี่ยนด้วยแส้ โดนลนด้วยเทียน การบีบคอ การใช้คำพูดที่รุนแรง หรือการแสดงบทบาทสมมุติเป็นสัตว์กับเจ้าของ ผู้ร้ายกับตำรวจ ทาสกับเจ้านาย เป็นต้น
โดยคำว่า BDSM ย่อมาจาก
- B = Bondage (การพันธนาการ)
- D = Discipline (การลงโทษ) หรือ Dominance (การปกครอง)
- S = Submission (การยอมจำนน) หรือ Sadism (ชอบเห็นคนอื่นเจ็บปวด)
- M = Masochism (ชอบความเจ็บปวด)
การเล่น BDSM จำเป็นจะต้องอาศัยความเชื่อใจกันเป็นอย่างมาก และผู้ที่เล่นต้องมีความรู้และความชำนาญในระดับหนึ่ง จึงจะสามารถเล่นได้อย่างปลอดภัย
ในการเล่นจะมีกฎกติกาในการเล่นอย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ BDSM แตกต่างจากการทำร้ายร่างกายและการล่วงละเมิดโดยไม่เต็มใจ อีกทั้ง BDSM นั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเพศสัมพันธ์กันเสมอไป ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของแต่ละฝ่าย
BDSM ยังสามารถแบ่งออกเป็นประเภท ตามแต่รสนิยมของแต่ละคู่ ดังนี้
- คนประเภท B/D จะเป็นคนที่ชอบถูกพันธนาการร่างกายในรูปแบบต่าง ๆ หรือคนที่ชอบออกคำสั่ง
- คนประเภท D/S คนที่วางตัวเป็นนายเป็นทาส หรือแม้แต่เป็นสัตว์เลี้ยง
- คนประเภท S/M คนที่มีความสุขเมื่อได้ทรมานผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแนวทางของ BDSM นั้นมีหลากหลายมาก อาจกล่าวได้ว่า ถ้าไล่เรียงตัวอักษรทั้งหมดตั้งแต่ A-Z BDSM ก็มีแนวทางในการเล่นที่ครบทั้งหมด เช่น Pet Play หรือการเป็นสัตว์เลี้ยง สวมบทบาทเป็นหมา เป็นแมว บางคนก็อยากใส่ปลอกคอเพื่อให้รู้ว่ามีเจ้าของ จะได้รู้สึกว่าได้รับความรัก
หรือแนว Spanking ซึ่งเป็นการตี โดยผู้เล่นจะต้องบอกได้ว่าชอบถูกตีด้วยอุปกรณ์แบบไหน แส้แบบไหน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องลองก่อนถึงจะรู้ แต่อาจจะตั้งเป็นกรอบกว้าง ๆ เช่น ชอบโดนตีด้วยมือเท่านั้น เพราะไม่ต้องการให้เกิดรอยจากการตี
หรือแนวถูกออกคำสั่ง ถูกผู้อื่นมาควบคุม มาคอยบอกว่าวันนี้ต้องทำอะไร กำหนดภารกิจให้ทำตาม หรือบางคนก็ชอบ Cum-Control คือการควบคุมการถึงจุดสุดยอด ซึ่งจะแบ่งย่อยลงไปอีก เช่น คนที่ชอบถูกกระตุ้นให้เกิดอารมณ์มาก ๆ แล้วก็หยุดไปดื้อ ๆ ซึ่งเรียกว่า Teasing And Denial
แต่สำหรับแนวที่อันตรายและไม่เหมาะสมกับมือใหม่ที่สุด คือ Edge Play หรือการเพลย์ที่อันตราย เช่น การเล่นเลือด การเล่นมีด การเล่นเข็ม การเล่นไฟ การเล่นกับลมหายใจ หรืออะไรที่มันสุดโต่ง และอาจจะมาพร้อมความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้
เหล่านี้คือข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ BDSM ที่น่าจะทำให้ทุกคนรู้จักรสนิยมดังกล่าวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้หลายคนจะมองว่า BDSM คือศิลปะ แต่อีกหลายคนที่ยังไม่เข้าใจก็ยังมองเป็นความแปลก หรือร้ายแรงถึงขั้นมองเป็นโรคจิตหรือความวิตถาร
ศิลปะหรือวิตถาร?
สำหรับมุมมองของผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับกิจกรรมทางเพศอย่าง BDSM อาจมองว่า BDSM เป็นสัญญาณของความผิดปกติทางศีลธรรม ความรุนแรง รวมไปถึงความผิดปกติทางจิตที่มาจากเหตุการณ์เลวร้ายในอดีต
แต่หากมองจากในมุมของข้อเท็จจริงจะพบว่า BDSM อยู่บนพื้นฐานของความยินยอมระหว่างบุคคลสองฝ่ายที่มีรสนิยมเดียวกันเท่านั้น ไม่ได้มีการใช้ความรุนแรง ข่มขู่ หรือบีบบังคับเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าร่วมกิจกรรมแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจข้อมูลของชาว BDSM เหตุการณ์เลวร้ายในอดีต ก็อาจมีส่วนทำให้มีรสนิยมที่ชอบความรุนแรงและความเจ็บปวด
ในอีกด้านหนึ่ง BDSM อาจส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของคนบางกลุ่มได้ ผลจากการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า คนที่มีรสนิยมทางเพศแบบ BDSM อาจรับมือต่อสิ่งเร้าที่ทำให้เกิดอารมณ์ด้านลบได้ดี
คนกลุ่มนี้จึงเกิดภาวะอารมณ์อ่อนไหว หรือหงุดหงิดได้น้อยกว่าคนทั่วไป ทำให้เข้ากับคนอื่นได้ดี คิดบวก รับมือกับการถูกปฏิเสธหรือความผิดหวังได้ดี กล้าที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ และมีแนวโน้มที่จะเป็นคนสุขภาพดี
อีกทั้งการศึกษาในคู่รักที่เป็นกลุ่มซาโดมาโซคิสต์ (Sadomasochist) หรือกลุ่มสามารถเป็นได้ทั้งซาดิสต์และมาโซคิสต์พบว่า คู่รักในกลุ่มนี้อาจมีความสัมพันธ์ที่ดีผ่านการทำกิจกรรมแนว BDSM
แต่การศึกษาก็ชี้ด้วยว่า บางครั้งชาว BDSM ที่เปิดเผยเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของตนอาจไม่ได้รับการยอมรับเท่ากับคนไม่เปิดเผยหรือไม่ได้มีรสนิยมดังกล่าว จึงอาจส่งผลให้เข้ากับคนใกล้ตัว อย่างครอบครัว เพื่อน และเพื่อนร่วมงานได้น้อย
ถึงแม้ว่ารสนิยมทางเพศแบบ BDSM จะไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนทุกคนจะมีรสนิยมทางเพศแบบเดียวกันนี้ ดังนั้น การได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายก่อนที่จะมีกิจกรรมทางเพศในแบบ BDSM จึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของข้อควรรู้และความเสี่ยงอีกด้วย
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ BDSM และความเสี่ยง
- ทุกอย่างต้องได้รับการยินยอม เนื่องจากบางคนอาจจะยังไม่เคยมีประสบการณ์แบบ BDSM มาก่อน ดังนั้น ควรต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายก่อนที่จะทำกิจกรรมทางเพศในรูปแบบใหม่ ๆ เช่น การแสดงบทบาทสมมติ การสวมใส่ชุดที่มีความเฉพาะ
- Save Words หรือคำปลอดภัย ในบางครั้งเมื่อคนใดคนหนึ่งรู้สึกไม่ชอบ หรือเจ็บตัวเกินไป ควรมีคำปลอดภัย (Save words) ซึ่งเป็นเสมือนคำพูดที่จะใช้เป็นสัญญาณว่าควรพอแล้ว หยุดได้แล้ว หรือเป็นสัญญาณบอกว่าตัวเองไหว ทำต่อได้ ยกตัวอย่าง เช่น สัญลักษณ์สี Red, Yellow, Green โดยจะไม่ใช้คำว่า “หยุด” เพราะบางคนที่ยินยอมในการเล่น BDSM คำว่า “หยุด” อาจจะไปกระตุ้นความตื่นเต้นแทน
- สร้างข้อตกลงร่วมกัน ทุก ๆ คนมักมีข้อจำกัดและขอบเขตที่แตกต่างกันไป กิจกรรมทางเพศเป็นกิจกรรมที่ควรมีความสุขกันทั้งสองฝ่าย ดังนั้น หากมีพฤติกรรมหรือรูปแบบการมีเซ็กส์แบบใดที่ไม่ชอบ ควรพูดคุยกันให้ชัดเจน
- คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก รูปแบบการมีเพศสัมพันธ์บางรูปแบบก็มีความสุขเมื่อร่างกายได้รับความเจ็บปวด ดังนั้น ก่อนที่จะทำอะไรควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ไม่ควรให้เกินเลยจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น ทำให้เกิดความเจ็บปวดที่ส่งผลต่ออวัยวะเพศ หรือมีความเสียหายรุนแรง หรือมีผลกระทบที่จะตามมาในระยะยาว
ในเรื่องของความเสี่ยงจากการเล่น BDSM ก็มีอยู่ไม่น้อย เพราะถึงแม้ว่าการเล่น BDSM จะเกิดจากการยินยอมจากผู้เล่นทั้ง 2 ฝ่ายก็จริง แต่บางครั้งก็มักจะเกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิตอยู่บ่อย ๆ อาจจะเกิดจากความไม่ชำนาญ หรือไม่มีขอบเขตในการเล่นของผู้เล่น อย่างการบีบคอจนขาดอากาศหายใจ เป็นต้น
ซึ่งในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น สัญญาที่ใช้ในการเล่นจะไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีทางด้านกฎหมายได้ และถ้าหากเจอคนที่ไม่ดีที่ใช้การเล่น BDSM ในการบังหน้า เพื่อหวังที่จะข่มขืนหรือใช้กำลังบังคับคนอื่นอย่างผิด ๆ ก็จะไม่สามารถแจ้งความเพื่อดำเนินคดีหรือเรียกร้องอะไรได้ เพราะจะโดนมองว่าเป็นการเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง และไม่ระมัดระวังเอง
นอกจากนี้ BDSM ก็ค่อนข้างที่จะไม่มีการยอมรับจากสังคมในวงกว้าง และยังถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสี่ยงสำหรับมือใหม่ที่อยากจะลองเล่นอะไรแบบนี้ดู ยิ่งถ้าขาดความรู้ ความชำนาญในการเล่นความเสี่ยงก็จะมากขึ้นตาม
ไม่ว่าจะเป็นของเล่นแต่ละแบบ หรือท่าทางแต่ละท่า จะต้องมีเวลาจำกัด ว่าควรไม่เกินกี่นาที กี่วินาที ระดับความแรง ฯลฯ รวมทั้งความเสี่ยงอื่น ๆ เช่น การโดนแบล็กเมล์ หลอกชิงทรัพย์ คุกคามทางเพศ (ซึ่งไม่ต่างจากการนัดเจอกับคนแปลกหน้าในรูปแบบอื่น ๆ)
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดของ BDSM จึงควรอยู่ในขอบเขตของความปลอดภัยเป็นหลัก และควรมีสติ ควบคุมตัวเองให้อยู่ในความเหมาะสม
สรุปส่งท้าย
BDSM เป็นเรื่องของรสนิยมหรือไลฟ์สไตล์ ไม่ใช่โรคจิตหรือความผิดปกติ ตราบใดที่ยังคงอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ทั้งนี้ในประเทศฝั่งตะวันตก BDSM ก็ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย รวมถึงในเอเชียบางประเทศ เว้นแต่ประเทศไทย ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร
ดังนั้น เราจึงต้องการจะเป็นกระบอกเสียงทำให้ผู้คนเข้าใจใน BDSM มากขึ้น และถ้ารู้ตัวว่ามีแนวโน้มที่จะสนใจในรสนิยมดังกล่าว หรือต้องการความหลากหลายในการมีเซ็กส์ ก็อาจจะลองใช้ BDSM เป็นตัวเลือกหนึ่ง แล้วคุณอาจจะเจอสิ่งที่คุณกำลังตามหาก็ได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก