“รู้หรือไม่? การเลือกซื้อถุงยางอนามัย มีอะไรมากกว่าการเรื่องของขนาด”
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ถุงยางอนามัย ช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมด้วย แต่ถ้าหากเลือกซื้อถุงยางอนามัยแบบไม่รู้วิธี ก็สามารถพลาดได้นะ
ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง How To การเลือกซื้อ ถุงยางอนามัย พร้อมบอกวิธีวัดขนาดถุงยางอนามัย และ ความรู้เบื้องต้นในการเลือกซื้อถุงยางอนามัย หากพร้อมแล้ว ตามมาเลย เริ่ม!!
เลือกซื้อ ถุงยางอนามัย อย่างไร?
1.ประเภทของถุงยางอนามัย
ก่อนที่จะทำการเลือกซื้อถุงยางอนามัย ควรทราบถึงประเภทของถุงยางอนามัยก่อน โดยถุงยางอนามัย ถูกแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ อาทิ ถุงยางอนามัยแบบมาตรฐาน ,ถุงยางอนามัยแบบบาง ,ถุงยางอนามัยผิวไม่เรียบ ,ถุงยางอนามัยแบบมีรส หรือ กลิ่น ,ถุงยางอนามัยผสมสารหล่อลื่น และ ถุงยางอนามัยช่วยชะลอการหลั่ง
2.ขนาดของถุงยางอนามัย
การเลือกขนาดถุงยางมีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ จึงควรเลือกให้พอดี ไม่หลวม หรือคับแน่นจนเกินไป ซึ่งในแต่ละยี่ห้อ ขนาดของถุงยางอนามัยก็จะแตกต่างกันออกไป โดยวิธีการวัด ให้วัดจากเส้นรอบวงองคชาต ถุงยางอนามัย จะบอกเส้นรอบวงเป็นมิลลิเมตร ดังนี้
- ถุงยางอนามัย ขนาด 49 มิลลิเมตร (เท่ากับ เส้นรอบวงองคชาต 11-12 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 5 นิ้ว)
- ถุงยางอนามัยขนาด 52 มิลลิเมตร (เท่ากับ เส้นรอบวงองคชาต 12-13 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 5 นิ้ว)
- ถุงยางอนามัย ขนาด 54 มิลลิเมตร (เท่ากับ เส้นรอบวงองคชาต 13-14 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 5 นิ้ว)
- ถุงยางอนามัยขนาด 56 มิลลิเมตร (เท่ากับ เส้นรอบวงองคชาต 14-15 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 6 นิ้วขึ้นไป)
ซึ่งการเลือกไซส์ที่เหมาะกับตัวเอง จะช่วยให้คุณสามารถบรรเลงเพลงรักได้แบบจัดเต็ม โดยไม่ต้องกังวลว่าถุงยางจะหลุดเข้าไปในช่องคลอด
3.วัสดุที่ใช้ทำถุงยางอนามัย
ถุงยางอนามัยที่มีการผลิตจำหน่ายในโลกมี 3 ชนิด โดยแบ่งตามวัสดุที่ใช้ ได้แก่
- ชนิดที่ทำจากลำไส้สัตว์ (Skin condom) การสวมใส่ถุงยางอนามัยชนิดนี้ ไม่รัดรูปแต่สามารถยืดตัวได้ ให้ความรู้สึกสัมผัสที่ดีในขณะมีเพศสัมพันธ์ ป้องกันได้แค่เชื้ออสุจิ แต่ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศได้
- ชนิดที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ (rubber condom or latex condom) เป็นวัสดุที่นำมาใช้ผลิตเป็นถุงยางอนามัยมากที่สุด เพราะมีความบางและความยืดหยุ่นได้ดีกว่าแบบทำจากลำไส้สัตว์ สวมใส่แล้วกระชับ ไม่ลื่นหลุดง่ายช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศได้
- ชนิดที่ทำจาก Polyurethane (ถุงยางพลาสติก) ออกแบบมาเพื่อคนแพ้ลาเท็กซ์ จึงมีคุณสมบัติด้านการใช้งานที่คล้ายกันมาก แต่ทางองค์การอนามัยโลกรายงานว่าถุงยางพลาสติกขาดง่ายกว่าแบบลาเท็กซ์
4.มาตรฐานคุณภาพ
ถุงยางอนามัย จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ ต้องมีใบอนุญาตในการผลิตหรือนำเข้า การเลือกถุงยางอนามัยที่มีมาตรฐานจึงเป็นเรื่องสำคัญโดยประชาชนสามารถเลือกได้ง่าย ๆ สังเกตจากเครื่องหมาย อย. ที่มีเลขใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์ เช่น ISO 4074:2002 หรือมาตรฐานทางอเมริกัน FDA (Food and Drug Administration) เพื่อให้มั่นใจว่าถุงยางที่คุณเลือกมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานที่กำหนด.
และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการใช้ ควรอ่านฉลากก่อนซื้อ ตรวจดูวันที่ผลิต วันหมดอายุ และ ควรคำนึงถึงเรื่องบรรจุภัณฑ์ ควรอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่ชำรุดเสียหาย
5.การเก็บรักษา
สำหรับการเก็บรักษาควรเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น ไม่เก็บไว้ในที่มีความชื้นสูง ร้อน หรือโดนแสงแดด เพราะจะทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมคุณภาพ สึกกร่อน
และทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีเลือกซื้อถุงยางอนามัยที่เรานำมาฝากกัน เมื่อได้ทราบอย่างนี้แล้ว คุณผู้ชายคนไหนที่อยากได้ถุงยางที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัยที่สุด ก็สามารถใช้วิธีข้างต้นในการเลือกถุงยางได้เลย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
ขอบคุณข้อมูลจาก
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล