การมีแฟน มีคู่ครอง จนไปถึงมีครอบครัว อาจจะเป็นจุดหมายปลายทางหรือความฝันของชีวิตที่ทุกคนต่างพูดถึงกัน แต่ในยุคสมัยนี้อาจเปลี่ยนไป เพราะผลการศึกษาล่าสุดชี้ว่า คนรุ่นใหม่หรือมิลเลนเนียล(Millennial) ที่รู้จักกันในเจน Y ไม่อยากมีลูกแล้ว หรือแม้กระทั่งมีความรู้สึกอยากโสดตลอดไปด้วย
- 15% ของคนรุ่นมิลเลนเนียลเผยว่าพวกเขาไม่สนใจที่จะมีลูกเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- หลายคนชี้ว่าเรื่องเงินเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ไม่อยากมีลูก
- คนรุ่นมิลเลเนียลบอกว่าอยากมุ่งไปทำการทำงาน อยากประสบความสำเร็จในชีวิตของตัวเองมากกว่า
มิลเลนเนียล(Millennial) คือ Generation ที่เกิดในช่วง 1980-2000 โดยประมาณ อีกชื่อที่เราเรียกกันคือ Gen Y คนรุ่นมิลเลนเนียลเป็นกลุ่มคนที่เกิดมาในโลกที่มีการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี ทำให้พวกเขานั้นสามารถหาข้อมูลได้ง่าย ยึดพื้นฐานข้อมูลที่สืบค้นมา ไม่ค่อยเชื่อคำสอนเก่าๆเท่าไร และเป็นยุคที่สนใจในการพัฒนาตัวเองเป็นสำคัญ ซึ่งตรงนี้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตอย่างมากโดยเฉพาะเรื่องการมีลูก
ตัวเลขที่เกี่ยวข้องที่มีความน่าสนใจ
- Urban Institute ได้สำรวจพบว่าอัตราการที่ผู้หญิงให้กำเนิดเด็กลดลงถึง 15% ในช่วงปี 2007-2012
- ประเทศไทยเคยมีการสำรวจพบว่าอัตราการเกิดลดน้อยลงอย่างมาก ไม่ถึงปีละล้านคน ในปี 2559 มีเด็กเกิดราวๆ 6 แสนคนเท่านั้นเอง
- ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่าผลจากอัตราการเกิดที่ลดต่ำลง ทำให้ขนาดของครอบครัวไทยโดยเฉลี่ยลดลงอย่างมาก ในช่วงปี 2507 ผู้หญิงไทยมีบุตรเฉลี่ย 6.1 คน ในช่วงปี 2558 ลดลงเหลือเพียง 1.5 คน
ข้อมูลพวกนี้ชัดเจนกว่า คนส่วนใหญ่นั้นมีลูกน้อยลง หากมองในมุมกว้างนี้เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลเพราะการเกิดที่น้อยลงส่งผลให้ประเทศขาดแรงงานที่จะขับดันประเทศ ส่งผลให้ประเทศมีแต่ผู้สูงอายุแบบที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่ แต่อะไรทำให้เป็นเช่นนั้น
เว็บไซต์ Morning Consult ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใหญ่กว่า 4,400 คนซึ่งเป็นคนวัยมิลเลนเนียล 1,287 คน เพื่อถามความเห็น ผลสำรวจออกมาชี้ว่า ตั้งแต่ปัญหาเศรษฐกิจช่วงปี 2551 หลายคนก็เริ่มกังวลและชะลอเวลาที่จะมีลูก แล้วพอมาเจอกับโควิดอีก เศรษฐกิจทั่วโลกต่างพังทลาย หลายคนกลัวปัญหาด้านการเงิน จนไม่กล้าจะสร้างครอบครัวขึ้นมาใหม่ บางคนถึงขั้นบอกว่า ไม่ใช่แค่จะชะลอเวลา แต่พวกเขาจะไม่มีลูกเลยหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้
เว็บไซต์ Mic ได้สอบถามกับกลุ่มคนหลายช่วงวัยถึงสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไม่อยากมีลูก ผลสำรวจออกมามีความน่าสนใจอย่างมาก แบ่งได้ 7 เหตุผลดังนี้
1.เด็กต้องใช้เงินในการเลี้ยงดู
แน่นอนว่าเมื่อเรามีลูกขึ้นมาเราก็อยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขา แต่สิ่งนี้มาพร้อมด้วยราคาที่ต้องจ่าย ไม่ว่าจะเป็น ค่ารักษาพยาบาล ค่าชุด ค่าเล่าเรียน ค่าอาหาร ค่าของเล่น ค่าของใช้ ทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนไม่อยากมีลูก โดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจแย่แบบนี้ด้วย หลายคนชี้แจงว่าพวกเขาต้องกู้ยืมเงินอย่างแน่นอนหากมีลูก หลายคนกล่าวว่าแค่ตอนนี้ยังเอาตัวเองไม่รอด นึกไม่ออกเลยว่าลูกจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร
2.กลัวเรื่องปัญหาสุขภาพจิต
ท่ามกลางปัญหาที่เกิดขึ้นมากมาย ทำให้จำนวนผู้ที่ป่วยทางสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้าสูงขึ้นทุกปี ผู้ที่ป่วยเป็นซีมเศร้าหรือมีอาการป่วยเกี่ยวกับจิตหลายคนกล่าวว่า พวกเขากลัวที่จะมีลูก เพราะลูกอาจจะต้องเจอปัญหาแย่ๆเช่นเดียวกับพวกเขา
3.การเพิ่มขึ้นของประชากรที่เกินควบคุม
ถึงแม้อัตราการเกิดจะลดน้อยลง แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยก็ทำให้คนมีอายุยาวขึ้นเช่นกัน นั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุของการมีประชากรเยอะเกินไป เคยมีหลายคนกล่าวถึงทฤษฎีประชากรล้นโลกหลายต่อหลายครั้ง แล้วดูเหมือนว่ามันมีความเป็นไปได้ซะด้วย มิลเลนเนียลหลายคนจึงตัดสินใจไม่มีลูกเพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้นไปเลย
4.การตั้งครรภ์อาจส่งผลร้ายแรงต่อร่างกาย
ในยุคสมัยที่การคลอดลูกมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ช่วยให้คลอดง่ายขึ้น เจ็บน้อยลง แต่ผู้หญิงจำนวนมากก็ยังกลัวที่จะคลอดลูก จากทั้งความเจ็บปวด ผลเสียต่อร่างกายเช่นท้องแตกลาย เป็นต้น
5.ความรับผิดชอบ
การมีลูกสักคนจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก เพื่อให้เขาเติบโตมาเป็นเด็กที่ดีมีคุณภาพ มันเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยอยากเจอนัก บางคนกลัวที่จะต้องเลี้ยงดูเพราะคิดว่าตัวเองคงเลี้ยงได้ไม่ดี
6.โลกไม่ใช่สถานที่ที่สวยงามเสมอไป
หลายคนตัดสินใจที่จะไม่มีลูกเพราะมองว่าโลกนี้ไม่ได้สวยงาม ไม่อยากให้เด็กต้องมาเจออะไรแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นความเท่าเทียม การถูกกลั่นแกล้ง สังคมที่แย่ หรือโลกที่กำลังแย่ลงไปทุกวัน
7.ความสำเร็จในอาชีพ
มีงานวิจัยชี้ว่าหลายคนมองความสำเร็จในอาชีพเป็นเป้าหมายของชีวิตมากกว่าการมีครอบครัว มีบางคนกล่าวว่า เขากำลังสนุกและสนใจในงานที่ทำเลยไม่คิดที่จะมีลูก อีกทั้งไลฟ์สไตล์ชีวิตของใครหลายคนก็ไม่เหมาะกับการมีลูก
ซึ่งในข้อ 7 นี้ค่อนข้างสอดคล้องกับ งานวิจัยของ ผศ.ดร.ศศิวิมล วรุณศิริ ปวีณวัฒน์ในหัวข้องานวิจัยชื่อ “ทำไมน้องไม่แต่งงาน” ที่ผลชี้ว่า ผู้หญิงที่มีการศึกษาสูง มีแนวโน้มที่จะแต่งงานช้าลง เพราะให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าและโฟกัสชีวิตส่วนตัวมากกว่าการมีครอบครัว โดยสิ่งนี้เป็นปรากฏการณ์ที่มีชื่อว่า Gold Miss
นอกจากนี้ความเห็นส่วนใหญ่ในโลกออนไลน์เวลามีประเด็นเรื่องการพูดคุยเกี่ยวกับการสร้างครอบครัว ก็มักให้ความเห็นตรงกันว่าส่วนใหญ่คือเรื่องเงินและความสำเร็จในอาชีพเป็นหลัก บางส่วนให้ความเห็นว่าเกี่ยวข้องกับสถานการณ์บ้านเมืองและรัฐบาลด้วย
ประเด็นนี้กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก และนับว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไข ไม่เช่นนั้นทุกประเทศอาจจะต้องเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และจะไม่มีแรงงานหรือกลุ่มคนที่จะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศเลย วันนั้นคงเป็นวันที่โลกวุ่นวายน่าดู
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
ขอขอบคุณข้อมูลจาก