ผิวรอบดวงตาเป็นผิวที่มีความบอบบางมากที่สุดในร่างกาย จึงมักจะเกิดปัญหาขึ้นได้ง่าย แม้ว่าเราจะอายุยังไม่มากก็ตาม เรียกได้ว่าเพียงแค่ภูมิในร่างกายตก ได้รับผลกระทบจากการพักผ่อนน้อย โดนแสงแดดและมลภาวะทำร้าย ทั้งปัญหาถุงใต้ตาบวม ถุงใต้ตาหมองคล้ำ เบ้าตาลึก ตลอดจนริ้วรอยและความหย่อนคล้อยก็อาจมาเยือนสาวๆ ได้ในช่วงอายุยี่สิบปี ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้สาวๆ หลายคนสูญเสียความมั่นใจไป เพราะเมื่อถุงใต้ตาบวม มีความหมองคล้ำ มักจะทำให้ใบหน้าโดยรวมไม่สดใส ดูทรุดโทรม เหมือนคนง่วงนอนตลอดเวลานั่นเอง
การเลือกใช้สกินแคร์บำรุงใต้ตาหรือ ‘อายครีม’ เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับการยอมรับว่าช่วยบรรเทาปัญหาผิวรอบดวงตาให้น้อยลงได้ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ ลดอาการถุงใต้ตาบวม และลดความหมองคล้ำของผิวบริเวณใต้ตาได้อย่างตรงจุด หากมีการใช้สม่ำเสมอและใช้เป็นประจำทุกวัน ทั้งนี้การเลือกใช้อายครีมก็ต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคนและใช้อย่างถูกวิธีด้วย เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และในบทความนี้เราได้นำทริกสำคัญในการเลือกและใช้อายครีมมาฝากสาวๆ แล้ว ใครที่มีปัญหาผิวรอบดวงตาอยู่ รีบมาเช็กลิสต์ ก่อนจะไปซื้ออายครีมกันเลย!
อายครีม คืออะไร
อายครีม คือ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสกินแคร์ที่ผลิตและออกแบบขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาผิวบริเวณรอบดวงตาที่มีความบอบบางและแห้งง่ายโดยเฉพาะ มีหลากหลาย Texture ไม่ว่าจะเป็นชนิดเนื้อครีม เนื้อเจล หรือเซรั่มแบบน้ำ โดยอายครีมจะมี Texture ที่แน่นกว่าครีมทั่วๆ ไป แถมมีความเข้มข้นของสารบำรุงสูงมาก เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นบริเวณรอบดวงตา ช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาบวม ถุงใต้ตาหมองคล้ำ เบ้าตาลึก ตลอดจนริ้วรอยและความหย่อนคล้อย ให้แต่ละคนมีผิวดวงตาที่เรียบเนียน หรือเป็นสีที่สม่ำเสมอกับผิวหน้ามากที่สุด
การเช็กส่วนผสมของอายครีม
อย่างที่เราบอกไปว่าอายครีมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาผิวบริเวณรอบดวงตาที่มีความบอบบางและแห้งง่าย แม้จะมีเนื้อแน่นเพื่อล็อกความชุ่มชื้น แต่ก็ยังต้องคงความอ่อนโยนเอาไว้ ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การบำรุงผิวบริเวณรอบดวงตาดีที่สุด ต้องการบอกลาปัญหาถุงใต้ตาบวม หมองคล้ำ และริ้วรอยให้หายไป ควรเช็กส่วนผสมของอายครีมที่มีคุณสมบัติที่ช่วยแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ ซึ่งสารสกัดหลักๆ ที่มักจะใช้ในอายครีม เช่น
1) กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid)
สารสกัดแรกที่มักจะพบในอายครีม คือ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารคงความชุ่มชื้น มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำสูงถึง 200-600 เท่า ทำให้สามารถดึงดูดน้ำในชั้นผิวหนังได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันริ้วรอยให้แก่ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาด้วย
2) เรตินอล (Retinol)
เรตินอล คือหนึ่งในสารประเภทเรตินอยด์ (retinoids) เป็นวิตามินเอบริสุทธิ์ มีคุณสมบัติช่วยในการลดริ้วรอยที่เกิดบริเวณผิวรอบดวงตาและผิวหน้าได้เป็นอย่างดี มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ๆ ลดการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทั้งนี้เรตินอลเป็นสารสกัดที่มีความเข้มข้นสูงมาก ควรใช้แค่ตอนกลางคืนเท่านั้น และค่อยๆ ใช้จากน้อยไปมาก เพื่อให้ผิวได้ปรับสภาพและปรับความคุ้นเคยกับเรตินอลนั่นเอง
3) เปปไทด์ (Peptide)
หลายคนคงคุ้นเคยกับเปปไทด์ หรือพอลิเปปไทด์อย่างแน่นอน เพราะนี่เป็นสารสกัดสำคัญที่ชวยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน กักเก็บความชุ่มชื้นบริเวณผิวได้เป็นอย่างดี แถมยังเป็นการสร้างเกราะป้องกันผิว ช่วยไม่ให้เกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำขึ้นมาง่ายๆ ด้วย
4) Niacinamide
Niacinamide คือ วิตามินบี 3 ซึ่งอยู่ในกลุ่มวิตามินบีคอมเพล็กซ์ (B-Complex) จัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินที่ไม่ละลายในน้ำมัน สามารถฟื้นฟู และบำรุงผิวบริเวณรอบดวงตาได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับสมดุลน้ำมันในผิว กระชับรูขุมขน ลดการระคายเคือง และการเกิดริ้วรอบรอบดวงตา
สารสกัด ส่วนผสมในอายครีม มีผลกับการบำรุงผิวบริเวณรอบดวงตาอย่างมาก ก่อนสาวๆ จะเลือกอายครีมมาติดไว้ใช้เป็นประจำทุกวัน ควรศึกษาและเลือกเน้นที่คุณสมบัติเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ควรเน้นที่ราคาถูก แต่ขาดสารสกัดที่มีส่วนช่วยแก้ปัญหาผิวบริเวณดวงตา เพราะไม่งั้นปัญหาถุงใต้ตาบวม หมองคล้ำ และริ้วรอยไม่มีทางหายไปง่ายๆ แน่นอน
วิธีการใช้ครีมใต้ตาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
นอกจากศึกษาคุณสมบัติและสารสกัดของอายครีมที่มีส่วนช่วยบำรุงและแก้ไขปัญหาผิวรอบดวงตาแล้ว วิธีการทาอายครีมให้ซึมซับเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพก็สำคัญเช่นกัน โดยแนะนำให้ทาสม่ำเสมอทุกวัน และเน้นบำรุงในช่วงกลางคืน ในส่วนของสเต็ปการทาและข้อควรระวัง จะเป็นดังนี้
– บีบอายครีมลงบริเวณปลายนิ้ว แนะนำให้เป็วนิ้วนางข้างซ้าย (เนื่องจากมีน้ำหนักเบามาทกี่สุด) จากนั้นใช้ทาและนวดเบาๆ บริเวณรอบดวงตา วนเป็นแนวยกขึ้นโดยเริ่มจากโหนกแก้มขึ้นไป เพื่อให้สารสกัดจากอายครีมซึมลงสู่ชั้นผิวให้ได้มากที่สุด
– ไม่ควรใช้อายครีมมากจนเกินไป เพราะบริเวณผิวใต้ตานั้นมีพื้นที่จำกัดมาก
– หากใช้อายครีมไปสักพักแล้ว ปัญหาบริเวณผิวรอบดวงตายังไม่ดีขึ้น แถมยังดำคล้ำกว่าเดิม ควรรีบปรึกษาแพทย์มากประสบการณ์ด้านผิวหนังต่อไป
– นอกจากจะใช้อายครีมแล้ว ควรปรับพฤติกรรมอื่นๆ เพื่อไม่ให้กระทบกับผิวบริเวณรอบดวงตาจนเกิดปัญหาเพิ่มขึ้นด้วย เช่น หลีกเลี่ยงการเช็ดทำความสะอาดแรงๆ บริเวณผิวรอบดวงตาหลังแต่งหน้า และควรทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันแสง UV เป็นประจำทุกวัน
‘ใครๆ ก็อยากจะมีดวงตาที่สวยสดใส’ อายครีมเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับการยอมรับว่าช่วยบรรเทาปัญหาผิวรอบดวงตาให้น้อยลงได้ หากใช้เป็นประจำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเป็นสกินแคร์ที่ผลิตและออกแบบขึ้นมาให้เหมาะกับผิวรอบดวงตาที่มีความบอบบางโดยเฉพาะ มีสารสกัดที่เข้มข้นที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นกรดไฮยาลูโรนิก เรตินอล เปปไทด์ หรือ Niacinamide ซึ่งควรพิจารณาสารสกัดและคุณสมบัติเหล่านี้ก่อนเลือกซื้ออายครีมในแต่ล่ะครั้ง รวมถึงพิจารณาส่วนผสมอื่นๆ ที่เราแพ้ร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมานั่นเอง
ส่วนสาวๆ คนไหนที่มีปัญหาผิวรอบดวงตา โดยเฉพาะปัญหาถุงใต้ตาบวม หรือมีขนาดเป็นก้อนขนาดใหญ่ มีความหย่อนคล้อย แม้จะทาอายครีมช่วยบำรุงขนาดไหน ก็ยังให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีพอ หรือใช้ระยะเวลานาน อยากจะรักษาถุงใต้ตาให้กลับมามีดวงที่สวยสดใส ผิวรอบดวงสม่ำเสมออีกครั้งที่ LOVELY EYE & SKIN BY DR.ROUNGKAW เป็นคลินิกศัลยกรรมตกแต่งเสริมความงามที่ดูแลโดยจักษุแพทย์มากประสบการณ์ มีความรู้ความเข้าใจและวิธีการรักษาเกี่ยวกับปัญหารอบดวงตาโดยเฉพาะ พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาอย่างตรงจุด แก้ไขปัญหารอบดวงตา Case By Case ช่วยฟื้นคืนใต้ตาโทรมให้กลับมาสดใสอีกครั้ง
ปรึกษาปัญหา | ติดต่อสอบถาม
Tel: 02-382-0045, 061-405-0044
Line: @Lovelyeye
Facebook: Lovely Eye & Skin Clinic
Instagram: Lovelyeyeandskin_by_drroungkaw