ข้อเสียของการดื่มนมอัลมอนด์
นมอัลมอนด์หนึ่งในผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับใครหลายคน นอกจากประโยชน์ที่มากมายแล้ว ยังมีรสชาติที่อร่อย นุ่ม หอมเป็นเอกลักษณ์ นมอัลมอนด์เป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน อย่างในประเทศสหรัฐอเมริกา นมอัลมอนด์นั้นยอดขายเป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่แพ้นมหรือทานมังสวิรัติ แต่อย่างไรก็ตาม เหรียญมีสองด้านเสมอ นมอัลมอนด์เองก็เช่นกัน แต่น้อยคนที่จะรู้ว่ามี ข้อเสียของการดื่มนมอัลมอนด์ เหมือนกันนะ ว่าแต่จะมีข้อเสียอย่างไรบ้าง ไปอ่านกันเลย
1.ขาดโปรตีน
นมอัลมอนด์นั้นมีโปรตีนที่น้อยกว่านมวัวและนมถั่วเหลืองอย่างมาก นมอัลมอนด์นั้นมีเพียง 1 กรัมต่อถ้วยในขณะที่นมวัวและถั่วเหลืองให้ 8 และ 7 กรัมตามลำดับ หากเราดื่มแต่นมอัลมอลด์เพียงอย่างเดียวโปรตีนนั้นก็จะไม่เพียงพอ ทำให้เราขาดโปรตีนที่มีส่วนสำคัญต่อการทำงานของร่างกายในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมร่างกาย
2.ไม่เหมาะสำหรับเด็กทารก
ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปีนั้นการดื่มเครื่องดื่มจากพืชธรรมชาตินั้นอาจไม่ปลอดภัยและเหมาะสมเท่าไรนัก ในเครื่องดื่มพืชธรรมชาตินั้นมี โปรตีน ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุที่ต่ำ รวมไปถึง ธาตุเหล็ก วิตามินดี และแคลเซียม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตของเด็ก
3.อาจมีสารเติมแต่ง
ในนมอัลมอนด์แปรรูปนั้นอาจมีสารเติมแต่งหลายชนิดเช่น น้ำตาล ,เกลือ ,กัม(ทำให้ข้นหนืด) ,สารแต่งกลิ่นหรือรส ทั้งหมดที่ว่านั้นจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่น น้ำตาล หากรับประทานมากเกินไป อาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเพิ่มของน้ำหนัก ปัญหาของฟันผุและภาวะโรคอื่นๆที่อาจตามมาได้
4.ส่งผลต่อไทรอยด์
อัลมอนด์และผลิตภัณฑ์จากนมอัลมอนด์เป็นแหล่งของไทโรซีนซึ่งอาจทำให้อาการปวดหัวไมเกรนรุนแรงขึ้นได้ นอกจากนี้อาจจะยังมีผลต่อระดับฮอร์โมนผู้ป่วยที่มีภาวะต่อมไทรอยด์ได้
5.ส่งผลร้ายต่อผึ้ง
ในฟาร์มของอัลมอนด์นั้นต้องการผึ้งเพื่อผสมเกสรอัลมอนด์ ซึ่งการผสมเกสรอัลมอนด์นั้นเป็นเรื่องยากสำหรับผึ้งเพราะช่วงฤดูกาลที่ต้องเริ่มผสมนั้นไม่ตรงกับช่วงเวลาปกติที่หาเกสรของพวกผึ้ง ทำให้ผิดแปลกไปจากธรรมชาติ อีกทั้งฟาร์มอัลมอนด์บางแห่งมีการใช้ยาฆ่าแมลง ทำให้พวกนั้นเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
อย่างที่กล่าวไปในตอนต้น ทุกอย่างนั้นมีสองด้านเสมอ อาหารทุกอย่างบนโลกนั้นควรทานอย่างพอดีและเหมาะกับตัวเรามากที่สุด เพื่อร่างกายที่ดีของตัวเราเอง สำหรับใครที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ สามารถติดตามอ่านได้ที่นี่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
ขอขอบคุณข้อมูลและบทความจาก : recipes.timesofindia