7 กลุ่มโรคที่ควรฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น เป็นสถานการณ์ที่สร้างผลกระทบต่อเนื่องให้กับสังคมมาอย่างยาวนาน สิ่งหนึ่งที่เปรียบเสมือนความหวังของคนทั่วโลกรวมทั้งคนไทย ที่จะเข้ามาช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น นั่นคือ วัคซีนป้องกันโควิด-19
ขณะนี้ประเทศไทยได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้ามาแล้ว รวมทั้งได้เริ่มทำการฉีดให้กับ 4 กลุ่มนำร่องที่มีความจำเป็นจะต้องได้รับวัคซีนก่อน ประกอบด้วย บุคลากรด่านหน้าและบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรค เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้เป็นกลุ่มที่มีโอกาสเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ หรือหากได้รับเชื้อแล้ว มีโอกาสติดเชื้อรุนแรงได้
ในส่วนของกลุ่มบุคคลที่มีโรคประจำตัว ซึ่งถือเป็นกลุ่มนำร่องที่จะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก่อน ประกอบด้วย กลุ่มผู้ป่วยโรคต่าง ๆ ดังนี้
- โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- โรคไตวายเรื้อรัง
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคอ้วน
- โรคมะเร็ง
- โรคเบาหวาน
ซึ่งกลุ่มโรคเหล่านี้เป็นกลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable diseases) หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค ไม่สามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัส คลุกคลี หรือติดต่อ ผ่านตัวนำโรค (พาหะ) หรือสารคัดหลั่งต่างๆ แต่เป็นโรคที่เกี่ยวกับนิสัยหรือพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ซึ่งโรคกลุ่มนี้จะค่อยๆสะสมอาการ ค่อยเกิด ค่อยทวีความรุนแรง และเมื่อมีอาการของโรคแล้วจะเกิดการเรื้อรังของโรคตามมาด้วย หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยและคนรอบข้าง ซึ่งผู้ที่มีโรคประจำตัวในกลุ่มนี้ หากติดเชื้อ COVID-19 จะทำให้มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนและอาการรุนแรงมากกว่าปกติ
นพ.ทักษพล ธรรมรังสี ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) กล่าวว่า การจัดสรรการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อป้องกันภาวะอาการรุนแรงและเสียชีวิต จะจัดสรรตามกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยหนักและเสียชีวิต ร่วมกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงได้รับเชื้อสูง เนื่องจากมีโอกาสสัมผัสกับผู้คนจำนวนมาก โดยสิ่งที่ต้องปฏิบัติก่อนการรับวัคซีน คือ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีน และปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีด หากมีอาการเจ็บป่วย ยังไม่ควรทำการฉีด ส่วนการปฏิบัติตัวหลังได้รับวัคซีน ก็คือ การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคตามปกติ โดยการสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อย ๆ รวมทั้งการเว้นระยะห่าง เพราะถึงแม้จะได้รับวัคซีนแล้ว แต่ก็มีโอกาสแพร่เชื้อและรับเชื้ออยู่ เพราะประสิทธิภาพของวัคซีนที่วัดผลได้ในขณะนี้ คือ สามารถรลดโอกาสเจ็บป่วยและเสียชีวิต แต่ยังไม่สามารถวัดผลในเรื่องลดโอกาสในการติดเชื้อได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการพัฒนาต่อยอดต่อไปในอนาคต เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสุงสุดในการป้องกันและควบคุมโรค ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยป้องกันโรคโควิด-19 ได้ดีที่สุด คือ หลัก 4 เสา ประกอบด้วย วัคซีน การล้างมือ การสวมหน้ากาก และการเว้นระยะห่างทางสังคม
นพ.ทักษพล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในส่วนของอาการข้างเคียงหลังได้รับวัคซีน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ ผลข้างเคียงที่ไม่ได้เกิดจากวัคซีน และผลข้างเคียงที่เกิดจากวัคซีน ในส่วนของผลข้างเคียงที่ไม่ได้เกิดจากวัคซีนนั้น มักเกิดจากความวิตกกังวล ความเครียด หรือสภาพจิตใจของผู้รับวัคซีน เช่น เป็นลม ส่วนผลข้างเคียงที่เกิดจากวัคซีนนั้น อาจพบได้ แต่มักจะพบในระดับที่ไม่รุนแรง ซึ่งถือเป็นข่าวดีว่า ร่างกายของเราตอบสนองกับวัคซีน เช่น ปวดเมื่อย หรือมีไข้ต่ำ ๆ แต่สิ่งที่ต้องระวัง คือ กลุ่มที่มีอาการแพ้รุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นทันที ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การรอสังเกตอาการเป็นเวลา 30 นาทีหลังฉีด ซึ่งจะทำให้สามารถทำการรักษาได้ทัน
ทั้งนี้ ขอให้คนไทยทุกคนเชื่อมั่นในคุณภาพของวัคซีน ซึ่งแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพและกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน ขอให้ทุกคนอดใจรอ และช่วยกันปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรค อย่างการสวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อพาสังคมไทยกลับสู่สภาวะปกติไปด้วยกัน นพ.ทักษพล กล่าว
การปฏิบัติตัวก่อนฉีดวัคซีน
- หากมีโรคประจำตัวเรื้อรัง แพ้ยาหรือวัคซีน ต้องแจ้งแพทย์ก่อน
- ไม่รับประทานยาแก้ไข้หรือแก้ปวดก่อนฉีดวัคซีน
- แจ้งยาที่รับประทานอยู่ให้แพทย์ทราบ
การปฏิบัติตัวหลังฉีดวัคซีน
- สังเกตอาการข้างเคียง 30 นาที ก่อนกลับบ้าน
- เมื่อกลับถึงบ้านหากมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น มีผื่น มีไข้ต่ำ ๆ หลังได้รับวัคซีนครึ่งชั่วโมงถึง 2 ชั่วโมง อาการจะค่อย ๆ ลดลง แต่ถ้ามีไข้สูงมาก ให้รีบไปพบแพทย์ หรือโทร 1669
- หลังฉีดวัคซีน 3 วัน โอกาสแพ้และผลข้างเคียงจากวัคซีนจะน้อยมาก ควรสังเกตอาการให้ครบ 30 วัน
แม้เราจะยังไม่รู้ว่าโรคโควิด-19 จะสิ้นสุดลงเมื่อใด แต่ขอให้คนไทยทุกคนเชื่อมั่นว่า เราจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน สสส. จะขอทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการส่งต่อและประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรค รวมทั้งการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง สร้างสังคมไทยให้ปลอดภัยและเป็นสังคมแห่งสุขภาวะอย่างยั่งยืน
เหนือสิ่งอื่นใด การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอนับเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว พักผ่อนให้เพียงพอ ลดพฤติกรรมเสี่ยง ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดให้แก่ร่างกายแล้ว
หากใครสนใจสื่อความรู้เกี่ยวกับโควิด-19 ที่ สสส. จัดทำ สามารถดาวน์โหลดฟรี และติดตามข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ที่ www.thaihealth.or.th/ไทยรู้สู้โควิด
ขอบคุณ สสส. https://twitter.com/thaihealth
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news