เป็นเรื่องปกติที่ในชีวิตของเราจะเกิดความวิตกกังวล หรือเกิดความเครียด เพราะบางสถานการณ์ก็ยากที่จะปฏิเสธ และควบคุมความวิตกกังวลเหล่านั้นไม่ให้เกิดขึ้นได้ แต่เราจะทราบได้อย่างไรบ้างว่าความวิตกกังวล หรือความเครียดที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้นอยู่ในระดับปกติ ?
วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับโรควิตกกังวลทั่วไป Generalized Anxiety Disorder (GAD) รวมไปถึงระดับความรุนแรง และวิธีบรรเทาอาการโรควิตกกังวลทั่วไปกันค่ะ
โรควิตกกังวลทั่วไป (GAD) คืออะไร ?
โรควิตกกังวลทั่วไป หรือ Generalized Anxiety Disorder (GAD) คือ การมีความเครียด หรือความกังวลในเรื่องชีวิตประจำวันมากเกินไป และบางครั้งก็ไม่สามารถระบุสาเหตุของความกังวลได้ ซึ่งทำให้มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และทำให้เกิดอาการทางร่างกาย เช่น กระวนกระวาย อ่อนเพลีย หงุดหงิด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไม่มีสมาธิ มีปัญหาการนอนหลับ
หากใครกำลังเผชิญอยู่กับความวิตกกังวลจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เราลองมาตรวจเช็กกันหน่อยว่าอาการของคุณอยู่ในระดับไหน หากอยู่ในระดับที่รุนแรงจะได้รักษาได้อย่างทันด่วน
ระดับอาการของโรควิตกกังวลทั่วไป (GAD)
- ระดับต่ำ
ความวิตกกังวลระดับต่ำ ในระดับนี้ผู้ป่วยจะไม่ค่อยมีพฤติกรรม หรืออารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก และพบเรื่องความเครียด หรือความกังวลเรื่องต่างๆ ในชีวิตประจำวันแบบทั่วไป และอาจมีเพียงพฤติกรรมด้านร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การตื่นเต้น ,หัวใจเต้นเร็ว ,เหงื่อออกที่ฝ่ามือ หรือรูม่านตาขยาย ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงความกังวลระดับต่ำ แต่ก็ยังอยู่ในโรควิตกกังวลทั่วไป (GAD)
- ระดับปานกลาง
ความวิตกกังวลระดับปานกลาง ในระดับนี้อาจทำให้ประสาทสัมผัสและการรับรู้ลดลง ไม่ว่าจะความสนใจที่ลดลง รวมถึงอาจมีอาการทางด้านร่างกายเพิ่มเติม เช่น ปวดศีรษะ ,ปั่นป่วนในช่องท้อง แต่ผู้ป่วยที่เป็นโรควิตกกังวลในระดับนี้ก็ยังสามารถจัดการ และแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้อยู่
- ระดับรุนแรง
ความวิตกกังวลระดับรุนแรง ในระดับนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการหมกมุ่นในรายละเอียดมากเกินไป อย่างการคิดวกวน ,ไม่มีสมาธิ ,ประสาทสัมผัส และการรับรู้แคบลง รวมไปถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหาลดลง ซึ่งสามารถสังเกตได้จากอาการกระวนกระวาย ตื่นกลัว หงุดหงิด โมโห ตัวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และนอนไม่หลับ และผู้ป่วยที่เป็นโรควิตกกังวลในระดับนี้ ควรได้รับการรักษาโรควิตกกังวล และจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากผู้อื่น
- ระดับรุนแรงมาก
ความวิตกกังวลระดับรุนแรงมาก แน่นอนว่าผู้ป่วยในระดับนี้จะไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้อย่างปกติ เพราะจะมีอาการกลัวขั้นรุนแรง หรือกลัวแบบขั้นสุด และไม่สามารถควบคุมตนเองได้ สังเกตได้จากอาการกรีดร้อง วิ่งหนี ตกใจจนหมดสติ และผู้ป่วยที่มีความวิตกกังวลในระดับนี้ จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษาอาการในทันที
สาเหตุของการเกิดโรควิตกกังวลทั่วไป (GAD)
- สารเคมีในสมอง เกิดจากความไม่สมดุลของสารเคมีในสมองบางชนิด อย่างเซโรโทนินและนอร์อิพิเนฟริน ซึ่งมีผลต่อการควบคุมอารมณ์
- เกิดจากพันธุกรรม อาจถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากพ่อแม่สู่ลูกได้ หากพ่อหรือแม่มีอาการของภาวะนี้ ลูกอาจมีโอกาสเป็นไปด้วยสูงถึง 5 เท่า
- เกิดจากบุคลิกภาพและลักษณะนิสัย เช่น ความแตกต่างในการเลี้ยงดู รวมไปถึงพัฒนาการและบุคลิกภาพส่วนบุคคล
- เกิดจากสภาพแวดล้อม และสถานการณ์ที่ตึงเครียด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดเป็นเวลานาน หรือเจ็บป่วยในระยะยาว การได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งประสบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างความรุนแรงในครอบครัว ถูกล่วงละเมิด ถูกกลั่นแกล้ง หรือไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม เป็นต้น
- เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคเครื่องดื่มคาเฟอีน การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการใช้สารเสพติด ก็มีผลทำให้เกิดโรควิตกกังวล
- เกิดจากโรคหรือภาวะที่ทำให้มีอาการเจ็บปวดเป็นเวลานาน เช่น โรคข้ออักเสบ
การรักษาโรควิตกกังวลทั่วไป (GAD)
การรักษาโรควิตกกังวลทั่วไป หรือ Generalized Anxiety Disorder (GAD) นั้นขึ้นอยู่กับระดับอาการของผู้ป่วย โดยสามารถรักษาได้ดังนี้
- การบำบัดทางจิต (Psychotherapy)
- การบำบัดแบบปรับเปลี่ยนความคิดหรือพฤติกรรม (Cognitive-Behavioral Therapy)
- การใช้ยารักษา
- การใช้เครื่องมือตรวจไบโอฟีดแบค (Biofeedback)
แนวทางการบรรเทาโรควิตกกังวลทั่วไป (GAD)
ถึงแม้ว่าสถานการณ์รอบข้างจะบีบบังคับให้เจอกับเรื่องราวที่ทำให้จิตตก จนบางครั้งก็ทำให้เกิดความเครียด และความกังวลอยู่มาก หากเป็นเช่นนี้แล้วเรามาดูกันว่ามีวิธีใดบ้าง ที่จะทำให้เราสามารถบรรเทาความรู้สึกตัวเองได้
- เข้าร่วมกิจกรรม หรือทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ เพื่อผ่อนคลายความรู้สึก
- เมื่อมีเรื่องที่อัดอั้นตันใจ ก็ควรระบาย หรือปรึกษากับคนที่เราไว้ใจ
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นชนวนทำให้เรารู้สึกเครียด หรือเหตุการณ์ที่กระตุ้นความเครียด
- พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- หากเช็กระดับความเครียดแล้วพบว่าตัวเองมีความวิตกกังวล หรือมีความเครียดมากๆ ควรไปพบแพทย์ทันที
อย่างไรก็ตาม ถ้าเพื่อนๆคนไหน มีอาการเครียดมากๆ จนมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรควิตกกังวล และไม่สามารถควบคุมความรู้สึก หรือพฤติกรรมของตนเองได้ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ และทำแบบทดสอบทางจิตวิทยา ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้รับการวินิจฉัยอาการอย่างละเอียด และรักษาให้ตรงตามอาการ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
ขอบคุณข้อมูลจาก : pobpad , chula
ขอบคุณรูปภาพจาก : freepik