สาวๆเช็กด่วน !! สัญญาณเตือนเมื่อช่องคลอดมีปัญหา
ปัจจุบันพบว่าผู้หญิงมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับช่องคลอดหรือน้องสาว หลายครั้งเมื่อเกิดความผิดปกติกลับถูกละเลยจนก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอย่างอื่นตามมา เช่น ช่องคลอดหลวม มีอาการตกขาว น้องสาวมีกลิ่น ซึ่งเป็นปัญหาที่เราไม่ควรละเลย หากปัญหาดังกล่าวถูกละเลยอาจทำให้คุณผู้หญิงสูญเสียความมั่นใจหรืออาจทำให้เกิดโรคตามมาได้ ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องทราบถึงสัญญาณเตือนที่อาจบ่งบอกได้ว่าคุณอาจจะกำลังเจอปัญหาช่องคลอดผิดปกติอยู่
อาการผิดปกติเบื้องต้นที่ควรสังเกต
1.สัญญาณเตือนจาก “ตกขาว”
โดยปกติแล้วร่างกายของผู้หญิงจะผลิตตกขาวแบ่งเป็นสองกลุ่มหลักๆด้วยกัน คือตกขาวแบบปกติ และ ตกขาวที่เป็นโรค
ตกขาวปกติ : จะมีสีใสๆ หรือสีขาว ซึ่งจะมีในช่วงก่อนหรือหลังมีประจำเดือน และมีในปริมาณที่ไม่มาก
ตกขาวที่เป็นโรค : จะมีสีเขียว ,สีเหลือง ,เป็นฟอง ,ปนเลือด และ มีปริมาณมากขึ้นกว่าปกติ มีกลิ่นเหม็นคล้ายก้อนนมบูด และมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยเช่น ปวดท้องน้อย มีไข้ ซึ่งลักษณะของตกขาวดังกล่าวเป็นอาการเริ่มต้นของช่องคลอดอักเสบ เชื้อรา รวมทั้งการติดเชื้อของแบคทีเรีย
2.สัญญาณเตือนจาก “อาการคัน”
อาการคันบริเวณช่องคลอดแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ คันภายในช่องคลอด และภายนอกช่องคลอด
อาการคันภายในช่องคลอด : ต้องสังเกตว่ามีตกขาวร่วมด้วยไหม หรืออาการคันที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ และ ควรสังเกตด้วยว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ด้านในไหม
อาการคันภายนอกช่องคลอด : สาวๆต้องสังเกตตัวเองอาการคันดังกล่าวเกิดจากการมีผื่นคันอยู่ภายนอกบริเวรน้องสาวไหม สาเหตุของอาการคันอาจเกิดจากความอับชื้น อาการเชื้อราที่ขาหนีบ หรือเป็นผลมาจากการเปลี่ยนของใช้ เปลี่ยนน้ำยาซักผ้า ซึ่งอาจทำให้แพ้ได้
3.สัญญาณเตือนจาก “ช่องคลอดมีกลิ่น”
ตามธรรมชาติช่องคลอดจะมีกลิ่นเล็กน้อย แต่หากกลิ่นที่ผิดปกติ มีด้วยกันอยู่ 3 กลิ่นคือ กลิ่นคาว กลิ่นเหม็นเปรี้ยว กลิ่นอับ สาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากภาวะช่องคลอดเสียสมดุล ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการสวนล้างช่องคลอดที่มากเกินไป
การทำความสะอาดช่องคลอดที่มีกลิ่น ควรใช้น้ำเปล่าในการล้าง ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่น เพราะอาจกระตุ้นอาการระคายเคืองในช่องคลอดได้
4.สัญญาณเตือนจาก “เลือดออกผิดปกติ” ทางช่องคลอด
สาวๆต้องสังเกตตัวปริมาณของเลือด ช่วงเวลาที่เลือดออกนั้นผิดปกติหรือไม่ สังเกตว่าสีของเลือดเป็นอย่างไร สีแดงสด แดงจาง หรือสีน้ำตาล และสัมพันธ์กับประจำเดือนไหม เพราะบางทีอาจเป็นเลือดประจำเดือนเราก็ได้
หากสาวๆเช็กแล้วว่าไม่ใช่เลือดประจำเดือนแน่ๆควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพราะอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพ เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปากมดลูกอักเสบ ช่องคลอดอักเสบ หรือเกิดภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก รวมถึงโรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็งระบบสืบพันธุ์
5.สัญญาณเตือนจาก “รอยแผลหรือรอยโรคบริเวณช่องคลอด”
การตรวจรอยแผลและรอยโรคบริเวณช่องคลอด สาวๆสามารถสังเกตตัวเองได้ด้วยการใช้กระจกส่อง โดยหากเป็นรอยแผลหรือรอยโรค แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบรอยแผลดังกล่าวและรีบทำการรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่จะตามมา
วิธีการดูแลช่องคลอดด้วยตัวเอง
- ใช้น้ำเปล่าล้างทำความสะอาดทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ
- ล้างเฉพาะภายนอกเท่านั้น ไม่ควรสวนล้างเข้าไปข้างใน และควรล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง
- หลังจากล้างน้ำแล้ว ควรซับให้แห้ง ซับจากด้านหน้าไปด้านหลัง ไม่ควรวกกลับมาด้านหน้าอีก
- ไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไปเพราะจะทำให้เกิดการอับชื้น ควรใส่เสื้อผ้าที่สบายตัวและอากาศถ่ายเทสะดวก
- อย่าปล่อยให้เป้ากางเกงในเปียก พยายามซับให้แห้งทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ
- เมื่อมีประจำเดือนควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ และล้างทำความสะอาดทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ
- การดูแลขน สามารถดูแลได้ง่ายๆด้วยการเล็มขนเพื่อลดการอับชื้น
- ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกันผู้อื่น และซักทำความสะอาดผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ
- ทำความสะอาดฝารองนั่งชักโครกทุกครั้งก่อนใช้ห้องน้ำ
- ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ เพราะจะทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
หากสาวๆท่านใดมีอาการสัญญาณเตือนที่กล่าวมาข้างต้นควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาและเพื่อป้องกันโรคต่างๆที่เกิดขึ้นกับช่องคลอด ที่อาจจะตามมาในอนาคต และนอกจากการดูแลเบื้องต้นแล้ว การตรวจภายในและตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคร้าย หรือหากพบโรคก็จะพบได้เร็วในระยะเริ่มต้น ซึ่งมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้สูงกว่า
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
ขอบคุณข้อมูลจาก