Home
|
ไลฟ์สไตล์

ไม่ควรพลาด! รวม 5 หมวดหมู่อาหารสำหรับคนศัลยกรรม

Featured Image

          หนึ่งในสิ่งที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมมากที่สุด นั่นคือการ “ศัลยกรรม” ไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรมเล็ก ๆ อย่างเสริมจมูก ตา ปาก หรือศัลยกรรมใหญ่ ๆ อย่างการเสริมหน้าอก ดูดไขมัน เปลี่ยนแปลงรูปร่าง เปลี่ยนแปลงใบหน้า

          ซึ่งการศัลยกรรมก็มีความเสี่ยงพอสมควร หากว่าศัลยกรรมในคลีนิคที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจเกิดข้อผิดพลาดทั้งระหว่างทำ หรือผลย้อนหลังก็ได้

          อย่างไรก็ตาม บางสิ่งบางอย่างอาจอยู่นอกเหนือความควบคุม แต่สิ่งที่เราควบคุมได้ นั่นคือการดูแลตัวเองหลังจากการศัลยกรรม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “อาหาร” ซึ่งมีความสำคัญในการช่วยให้ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อใหม่มารักษาแผลอย่างเต็มที่

          ในวันนี้ เราจึงเตรียม 5 หมวดหมู่อาหารสำหรับคนศัลยกรรม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูพร้อมกันเลย!

1.โปรตีน

          เริ่มกันที่อันดับแรก กับอาหารที่ให้โปรตีนสูง นั่นเพราะโปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างมาก และยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี อย่างที่เราจะได้ยินคนที่ออกกำลังกายหรือเข้าฟิตเนสพูดกันอยู่บ่อย ๆ ว่าต้องกินโปรตีนให้ถึง หรือมีการซื้อเวย์โปรตีนมากินเสริมด้วยซ้ำ

          ในกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน แผลจากการศัลยกรรมก็ไม่ต่างจากการที่เนื้อเยื่อถูกทำลาย นั่นจึงจำเป็นที่จะต้องใช้โปรตีนในการทำให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น เนื้อเยื่อประสานกันอย่างรวดเร็ว และแผลออกมาสวย อีกทั้งยังสร้างภูมิคุ้มกันต่อร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย

          โดยโปรตีน สามารถหาได้จากเนื้อ นม ไข่ และถั่ว ตามที่เราสะดวก ใช่แล้ว เราสามารถกินไข่ได้ นั่นเพราะหลายคนอาจจะเคยได้ยินหรือมีความเชื่อว่าการกินไข่จะทำให้แผลอักเสบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไข่เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ทำให้แผลสมานไวขึ้น และแห้งไวขึ้นด้วย 

          นอกจากนี้ก็สามารถกินถั่ว เพื่อให้ได้โปรตีนดี ๆ อีกด้วย โดยปริมาณโปรตีนที่แนะนำให้รับประทานสำหรับคนศัลยกรรมคือหนึ่งเท่าตัว

2.น้ำ

          สิ่งถัดมาที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือน้ำ ใช่แล้ว น้ำ หลายคนอาจจะอ่านแล้วเอ๊ะ.. ทำไมถึงต้องเป็นน้ำ ทั้งที่ควรจะกินอาหารที่ให้พลังงานหรือช่วยสมานแผลเร็วกว่านี้รึเปล่า แต่บอกเลยว่า น้ำเป็นสิ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้ อีกทั้งร่างกายเรายังมีน้ำถึง 70% นั่นหมายความว่า น้ำจะช่วยให้อวัยวะทุกส่วนสมดุล

          ทั้งยังส่งผลให้เซลล์ผิวหนังได้รับความชุ่มชื้น โดยเฉพาะแผลผ่าตัดก็จะสมานตัวเร็วขึ้น ยิ่งหลังผ่าตัด ยิ่งไม่ควรให้ร่างกายขาดน้ำ เพราะจะทำให้เซลล์ผิวหนังตาย ทำให้แผลปวดมากขึ้น รวมถึง  แผลยังหายช้าลงด้วย

          ดังนั้น เราจึงควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 7-8 แก้วให้เพียงพอต่อร่างกาย และให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้นด้วย หรือจะเลือกดื่มน้ำใบบัวบก น้ำมะพร้าว น้ำเต้าหู้ผสมฟักทอง ก็สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับความสะดวก แต่บอกเลยว่า ห้ามขาดน้ำเด็ดขาด!

3.ไขมัน(ดี)

          ถัดมาคือไขมัน แต่บอกไว้ก่อนว่าต้องเป็นไขมันดีโดยเฉพาะ นั่นเพราะไขมันดีจะช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเยื่อหุ้มเซลล์ ซึ่งจะทำให้แผลสมานหลังการศัลยกรรม รวมถึงลดอัตราเสี่ยงการอักเสบ และติดเชื้อจากแผลสดได้ดีอีกด้วย 

          ซึ่งไขมันดีก็จะสามารถหาได้จากน้ำมันรำข้าว น้ำมันงา อัลมอนด์ รวมถึงถั่วลิสง หรือถ้าแอดวานซ์หน่อย ก็อาจจะเลือกกินถั่วทอดกรอบ เพราะเปรียบเสมือนกับขนมกินเล่น ที่สามารถกินได้ตลอดเวลา หลังจากศัลยกรรมที่ต้องนอนพักทั้งวัน ระหว่างนอนดูซีรีส์ชิว ๆ ก็อาจจะหยิบถั่วทอดกรอบมาทานเล่น ที่สำคัญยังไม่ทำให้อ้วนอีกด้วยนะ

4.วิตามินซี

          วิตามินซีในที่นี่ ไม่ได้หมายถึงวิตามินที่เป็นกระปุก แต่หมายถึงวิตามินซีจากผลไม้ อย่างเช่น ฝรั่ง ส้ม เชอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี เพราะหลังจากศัลยกรรมเสร็จ ร่างกายจะสร้างสารอนุมูลอิสระจำนวนมาก ดังนั้นการที่เราทานวิตามินซีเข้าไปจะทำให้การสร้างเนื้อเยื่อในร่างกายประสานตัวได้อย่างรวดเร็ว 

          อีกทั้งยังช่วยในการเร่งการสมานตัวของแผล และทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย โดยสำหรับวิตามินซี ควรจะกินไม่ต่ำกว่า 100-200 มิลลิกรัม บอกเลยว่าถ้าใครชอบทานผลไม้อยู่แล้ว สามารถอยู่ได้สบายมาก!

5.ธาตุเหล็ก

          ถัดมาเป็นสิ่งที่จะช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้นด้วยการสมานแผล อีกทั้งยังป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งนั่นก็คือธาตุเหล็กนั่นเอง โดยธาตุเหล็กจะมีส่วนช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนและคอลลาเจน ซึ่งช่วยในเรื่องแผลผ่าตัดอย่างมาก

          โดยธาตุเหล็กจะได้รับจากผักใบเขียวเป็นหลัก เช่น ผักบุ้ง ผักโขม บล็อคโคลี่ โดยปริมาณที่ควรจะกินไม่ต่ำกว่า 15 มิลลิกรัม ซึ่งอาจจะเลือกรับประทานเป็นเมนูอาหารง่าย ๆ อย่าง ผัดผักบุ้งไฟแดงก็ได้ เพราะเป็นเมนูที่ทานได้ง่าย มีข้าวต้มหรือข้าวสวยร้อน ๆ ก็สามารถทานคู่กันได้แล้ว

          ทั้งหมดนี้คืออาหารที่ควรรับประทานหลังจากศัลยกรรม ซึ่งจะเห็นได้ว่าหมวดหมู่ของอาหารนั้นดูคล้ายคลึงกับอาหารหลัก 5 หมู่เป็นอย่างมาก นั่นก็เพราะอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย และจะทำให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากรู้ถึงอาหารที่ควรทานกันแล้ว เราจะมาพูดถึงอาหารที่ควรเลี่ยงกันสักเล็กน้อย

  • วิตามินหรืออาหารเสริม เนื่องจากอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อแผลผ่าตัด เช่น อาจทำให้เลือดแข็งตัว เพิ่มความบวมช้ำของแผล ทำให้ยิ่งยากต่อการรักษาได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นหากไม่มีความจำเป็นควรจะงดช่วงหลังทำศัลยกรรมไปก่อน แต่หากมีความจำเป็นจริง ๆ หรือ มีโรคประจำตัวที่จะต้องรีบบริโภคยานั้น ๆ ให้ปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยของร่างกาย
  • อาหารรสจัด เพราะความเผ็ด ร้อน ของอาหารจะไปกระตุ้นอาการเกิดน้ำมูกไหล ซึ่งส่งผลให้แผลไม่แห้ง และหายช้าได้ รวมถึงในน้ำมูกของเรานั้นอาจมีเชื้อโรค หรือ สิ่งแปลกปลอมต่างๆสะสมอยู่ด้วยทำให้เพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อของแผลได้
  • อาหารหมักดอง เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อของแผล เนื่องจากอาหารเหล่านี้อาจจะไม่สะอาดและนำเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล ทำให้แผลหายช้าอีกด้วย
  • สุราและแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกาย เนื่องจากในตัวแอลกอฮอล์จะมีสารที่ทำให้ร่างกายมีการสูบฉีดของเลือดอย่างหนัก และอาจทำให้ความดันโลหิตสูง ไม่เพียงเท่านั้นยังทำลายเซลล์ที่จะช่วยในเรื่องของการรักษาแผล  ทำให้แผลหายช้าลง และ เสี่ยงต่อการติดเชื้ออีกด้วย
  • อาหารทะเลบางชนิด ที่อาจก่อให้เกิดการแพ้หรือการคันได้

          ก็จบลงไปแล้วกับหมวดหมู่อาหารที่คนศัลยกรรมควรเลือกรับประทาน จะเห็นได้ว่าล้วนเป็นอาหารที่อยู่รอบตัวเรา และสามารถหากินได้ไม่ยาก โดยไม่จำเป็นต้องไปหาอาหารแพง ๆ มากินเพื่อบำรุงเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่เลือกกินให้ถูก อาหารก็มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น ดังคำกล่าวที่ว่า “You are what you eat”

         อย่างไรก็ตาม นอกจากการดูแลตัวเองด้วยการเลือกรับประทานอาหารดี ๆ แล้ว ก็ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อให้แผลหายไว และกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติอีกครั้ง

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก

inz-clinic

phyathai

firstclinic

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube