เปิด 4 เคล็ดลับเลือกบ้านมือสองให้โดนใจ คุ้มเงินในกระเป๋า
ใครที่กำลังมองหาบ้านหลังใหม่อยู่ แต่งบประมาณอาจจำกัด ทำให้ไม่สามารถเลือกซื้อบ้านใหม่ได้ตามที่ใจต้องการ การเลือกซื้อบ้านมือสองก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะมีราคาที่ถูกกว่าแล้ว ยังมีข้อดีอีกหลายอย่างที่หลายคนอาจยังไม่รู้ วันนี้เราจะพาไปดูกันว่า การเลือกซื้อบ้านมือสองนั้นให้คุ้มค่ากับเงินในกระเป๋าได้อย่างไรบ้าง
ทำไมบ้านมือสองถึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
หลายคนอาจมองว่าบ้านมือสองเป็นแค่ตัวเลือกสำรอง เมื่อไม่สามารถซื้อบ้านใหม่ได้ตามต้องการ แต่จริง ๆ แล้ว การเลือกซื้อบ้านมือสองก็มีข้อดีที่ไม่แพ้บ้านใหม่เลย เช่น
- มีโอกาสได้ซื้อบ้านในทำเลดี ๆ ในราคาที่จับต้องได้ เพราะปกติแล้วบ้านมือสองมักจะอยู่ในโลเคชั่นที่ดี มีความสะดวกสบาย แต่หากเป็นบ้านใหม่ในทำเลแบบนี้ ราคาอาจสูงเกินงบประมาณที่เรามี
- ได้บ้านที่พร้อมอยู่ทันที ไม่ต้องรอสร้างเป็นปี ๆ เหมือนบ้านใหม่ และยังสามารถย้ายเข้าอยู่ได้เลยหลังจากทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์เสร็จ
- ราคาต่ำกว่าบ้านใหม่ที่สเปคใกล้เคียงกัน ทำให้เหลือเงินไปตกแต่งหรือรีโนเวทให้สวยงามถูกใจเราได้อีก
4 วิธีเลือกบ้านมือสอง ให้คุ้มค่าเงินในกระเป๋า
การจะเลือกซื้อบ้านมือสองให้คุ้มค่าและไม่ผิดหวัง ก็มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ดังนี้
1. ดูทำเลที่ต้องการอยู่อาศัย
สิ่งแรกที่ต้องให้ความสำคัญเลยก็คือ การเลือกทำเลที่เราต้องการซื้อบ้าน ให้ดูความสะดวกในการเดินทาง ระยะห่างจากที่ทำงาน โรงเรียนของลูก ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล รวมถึงสถานที่สำคัญอื่น ๆ ที่เราต้องไปบ่อย ๆ เพราะเรื่องเหล่านี้จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว และมีผลต่อมูลค่าการขายต่อในอนาคตด้วย
2. เลือกประเภทบ้านจากจำนวนสมาชิก
เมื่อเลือกทำเลได้แล้ว ต่อมาเราก็ต้องดูว่าต้องการบ้านประเภทไหน ซึ่งต้องพิจารณาจากจำนวนสมาชิกในครอบครัวเป็นหลักว่า ต้องการห้องนอนกี่ห้อง ห้องน้ำกี่ห้อง ขนาดพื้นที่ใช้สอยเท่าไหร่จึงจะเพียงพอ อย่าลืมคิดถึงเรื่องการขยายครอบครัวในอนาคตด้วย
เช่น ถ้าเป็นครอบครัวเริ่มต้นมีสมาชิก 2-3 คน บ้านประเภท 2-3 ห้องนอน ก็น่าจะเหมาะสม แต่ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่ มีพ่อแม่หรือผู้สูงอายุอาศัยด้วย ก็อาจต้องเลือกเป็นบ้านประเภท 3-4 ห้องนอน หรือบ้านสองชั้นที่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า เป็นต้น
3. เปรียบเทียบราคาในพื้นที่
เคล็ดลับสำคัญในการเลือกซื้อบ้านมือสองให้คุ้มค่า ก็คือการสำรวจราคาในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกันว่าราคาเฉลี่ยของแต่ละโครงการเป็นอย่างไร แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน เทียบกับขนาดและอายุการใช้งานของบ้าน เพื่อให้รู้ว่าบ้านที่เราสนใจอยู่ในเรทราคาไหน ถูกหรือแพงกว่าราคาตลาด
4. ประเมินสภาพบ้านและสิ่งแวดล้อม
สุดท้ายคือ การตรวจสอบสภาพความเก่าใหม่ของตัวบ้าน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาของบ้านในทำเลเดียวกันต่างกันได้มาก ซึ่งเราต้องดูทั้งสภาพภายนอก เช่น หลังคา รั้ว สี รอยแตกร้าว และสภาพภายใน เช่น เฟอร์นิเจอร์ฝังตรึง สุขภัณฑ์ ระบบไฟฟ้า ประปา ว่ามีสิ่งใดชำรุดหรือต้องซ่อมแซมบ้าง
นอกจากสภาพบ้านแล้ว ควรสังเกตสิ่งแวดล้อมของโครงการด้วยว่าโดยรวมเป็นอย่างไร เงียบสงบหรือพลุกพล่าน บ้านข้างเคียงดูแลรักษาบ้านดีหรือไม่ มีพื้นที่ส่วนกลางหรือสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการช่วยตัดสินใจ
สรุป การเลือกซื้อบ้านมือสอง
การเลือกซื้อบ้านมือสองให้คุ้มค่า และตอบโจทย์ความต้องการ อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากพิจารณาทั้ง 4 ปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นอย่างรอบคอบ ทั้งเรื่องทำเล ประเภทบ้าน ราคาเปรียบเทียบ และสภาพบ้าน ก็จะช่วยให้ได้บ้านในฝันที่ถูกใจ คุ้มค่าเงินในกระเป๋าอย่างแน่นอน