Home
|
ไลฟ์สไตล์

ความเหงาติดต่อกันได้และอันตรายเหมือนสูบบุหรี่

Featured Image

          ความเหงา (Loneliness) เป็นความรู้สึกที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน อันนี้เรารู้กันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ ความเหงาติดต่อกันได้เหมือนโรคระบาด แถมมันร้ายแรงเหมือนกับการสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวันเลยทีเดียว 

 

ความเหงาติดต่อกันได้ 

          บทหนึ่งของหนังสือ ‘EMOTIONAL FIRST AID ซ่อมแซมสุขที่สึกหรอ’ พูดถึงความเหงาว่ามันสามารถแพร่กระจายถึงกันได้ 

          การศึกษาพบว่า ความเหงาแพร่กระจายผ่านกระบวนการติดต่อ (Contagion process) อย่างงานศึกษาที่ได้ตีพิมพ์ใน Journal of Personality and Social Psychology กล่าวโดยสรุปว่า หากคนไม่เหงามาอยู่กับคนเหงา มีโอกาสที่คนไม่เหงาจะกลายเป็นคนเหงาในที่สุด 

         ที่น่าตกใจที่สุดมันมีโอกาสแพร่กระจายไปทั่วเครือข่ายสังคมนั้น ทำให้ทุกคนเกิดความเหงาในที่สุด

         ความเหงาไม่ได้ส่งผลต่อแค่อารมณ์มันส่งผลเสียเหมือนการสูบบุหรี่  ทุกคนรู้ว่าการสูบบุหรี่อันตราย แต่อย่างน้อยบนซองยังมีคำเตือน แต่กับความเหงา มันไม่มีอะไรบอกทั้งนั้น รู้ตัวอีกทีเราก็จมอยู่กับความรู้สึกนั้นไปแล้ว 

 

ความเหงา ทำร้ายคนเท่ากับสูบบุหรี่ 15 มวน 

          งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยบริคแฮม ชี้ว่า ความเหงานั้นสามารถบั่นทอนสุขภาพร่างกายของเราได้มากพอกับ การเป็นโรคอ้วนหรือการสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน 

          นอกจากนี้ยังมีการศึกษาอื่น ๆ อีกมากมายที่ชี้ว่าความเหงา ก่อให้เกิดปัญหาความเครียด ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นซึมเศร้า อีกทั้งอาจจะทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น การดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น ,การไม่รับประทานอาหารจนส่งผลเสียต่อสุขภาพ เป็นต้น 

          ความเหงา นั้นน่ากลัวและอันตรายอย่างมาก นอกจากมันจะเกิดขึ้นได้กับทุกคนแล้ว มันยังแพร่กระจายต่อได้อีกด้วย แถมมันไม่มียารักษาโดยตรง ส่วนวิธีการรับมือกับความเหงา เราขอแนะนำ  5 วิธีคลายเหงาง่าย ๆ  หวังว่ามันจะช่วยทุกคนได้ 

 

ขอขอบคุณข้อมูล 

 

หนังสือ EMOTIONAL FIRST AID 

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล 

theconversation

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

 

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube