ยกระดับคลังสินค้าด้วยระบบ FEFO บริหารจัดการสินค้าตามวันหมดอายุ
การบริหารสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจโลจิสติสต์ที่ต้องจัดการกับสินค้าที่มีอายุการใช้งานจำกัด โดยระบบ FEFO (First Expired First Out) เป็นหนึ่งในกลยุทธ์จัดการคลังสินค้าที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วระบบ FEFO คืออะไร? และมีประโยชน์อย่างไรต่อการจัดการคลังสินค้า? วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับระบบ FEFO นี้กัน
ทำความรู้จัก FEFO (First Expire First Out) คืออะไร
First Expire First Out หรือ FEFO คือระบบในการจัดการสินค้าคงคลัง ที่มุ่งเน้นการควบคุมวันหมดอายุของสินค้าเป็นหลัก ซึ่งหลักการของระบบนี้ คือการนำสินค้าที่ใกล้หมดอายุออกมาใช้งานหรือขายก่อน เช่น การจัดเรียงสินค้าที่มีวันหมดอายุก่อนในตำแหน่งที่หยิบง่ายที่สุด หรือการจัดเรียงสินค้าตามวันหมดอายุ เพื่อให้สินค้าชิ้นนั้นถูกขายหรือนำไปใช้งานก่อน โดยระบบ FEFO นั้นมักถูกนำไปใช้ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่มีอายุการใช้งานจำกัด เช่น อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม ยา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รวมถึงสินค้าเคมีภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งสินค้าประเภทนี้มีความเสี่ยงสูงต่อการเสื่อมสภาพและหมดอายุ และยังลดการสูญเสียที่เกิดจากสินค้าที่ไม่สามารถนำไปใช้งานหรือขายต่อได้
ระบบ FEFO (First Expire First Out) มีประโยชน์ต่อการจัดการคลังสินค้าอย่างไร
หนึ่งในระบบจัดการคลังสินค้าที่ได้รับความนิยม และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่มีวันหมดอายุหลายแห่งเลือกใช้ FEFO (First Expire First Out) คือระบบที่มุ้งเน้นการนำสินค้าที่ใกล้หมดอายุออกมาใช้งานหรือจำหน่ายก่อน เพื่อป้องกันการสูญเสียจากสินค้าที่เสื่อมสภาพ ระบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการสูญเสียสินค้า แต่ยังส่งผลดีต่อการบริหารจัดการคลังสินค้าโดยรวม ซึ่งประโยชน์ที่ธุรกิจนำระบบ FEFO มาใช้ในการจัดการคลังสินค้า มีดังนี้
ลดต้นทุน และการสูญเสียสินค้า
อย่างที่บอกไปแล้วว่า การนำระบบ FEFO มาใช้ช่วยให้ธุรกิจสามารถนำสินค้าที่ใกล้หมดอายุออกไปใช้หรือขายออกก่อน ลดโอกาสที่สินค้าจะค้างสต็อกจนหมดอายุ การจัดการสินค้าด้วยระบบ FEFO จึงเป็นการลดต้นทุนที่เกิดจากการทิ้งสินค้าที่เสื่อมสภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากสินค้าที่ถูกขายไปอย่างเต็มมูลค่าด้วย
ปรับปรุงการวางแผนการผลิตและการจัดซื้อ
ระบบ FEFO ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการผลิตและจัดซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับวันหมดอายุของสินค้าคงคลัง ลดการสต็อกสินค้าที่เกินความจำเป็น และยังช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนวัตถุดิบ เนื่องจากสามารถวางแผนการผลิตและการจัดซื้อได้ล่วงหน้า ลดการสูญเสีย ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการคลังสินค้า
หนึ่งในจุดเด่นของระบบ FEFO คือการจัดการสินค้าคงคลังอย่างเป็นระบบและมีระเบียบ เพราะสินค้าจะถูกจัดเรียงตามลำดับวันหมดอายุ จึงลดปัญหาสินค้าค้างสต็อก เสื่อมคุณภาพ และลดความสับสนในการจัดการสินค้า ทำให้ธุรกิจสามารถติดตามและประเมินปริมาณสินค้าที่เหลืออยู่ได้อย่างชัดเจน สามารถวางแผนจัดการซื้อสินค้าใหม่หรือการผลิตเพิ่มเป็นไปตามความต้องการที่แท้จริง ลดภาระการจัดเก็บ และช่วยประหยัดพื้นที่ในคลังสินค้าด้วยนั่นเอง
เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค
ระบบ FEFO มีส่วนสำคัญในการเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์เคมี เพราะระบบ FEFO มีการจัดการสินค้าจากวันหมดอายุ จึงลดโอกาสที่สินค้าหมดอายุจะหลุดไปถึงมือผู้บริโภค ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ และไปตามมาตรฐานและกฎหมายสำหรับธุรกิจนั่นเอง
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นว่า ระบบจัดการคลังสินค้า FEFO นั้นไม่เพียงแต่สร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่มีข้อจำกัดเรื่องวันหมดอายุเท่านั้น แต่ในธุรกิจอื่นๆ หากนำระบบ FEFO มาใช้ก็ได้รับประโยชน์ด้านจัดการสินค้าคงคลังเช่นเดียวกัน สำหรับธุรกิจที่กำลังวางแผนและมองหาผู้ช่วยจัดการระบบสต๊อกสินค้า ที่ YAS เราคือผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าชั้นนำ มีโซลูชันการจัดการคลังสินค้าที่รองรับระบบ FEFO สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณปรับใช้ระบบ FEFO ได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด สนใจออกแบบระบบการจัดการสต๊อกที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ โทร. 02-016-5777 หรือ ไลน์ @yasonline