รวม 10 ประโยชน์ของฟักทอง ผักสีเหลืองที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

           ฟักทอง ผักสีเหลืองที่มาพร้อมคุณค่าทางโภชนาการอันหลากหลาย อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน อีกทั้งยังเป็นแหล่งกากใยชั้นดี แคลอรีต่ำ เหมาะสำหรับสายสุขภาพ ไม่ว่าจะนำมาทำเป็นอาหารคาวหรืออาหารหวานก็ตอบโจทย์ความอร่อยและดีต่อร่างกาย วันนี้เรารวบรวม 10 ประโยชน์ของฟักทองมาให้ดูกันค่ะ

ประโยชน์ของฟักทอง

• ช่วยส่งเสริมระบบขับถ่าย

           ฟักทองอุดมไปด้วยกากใยอาหาร ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้การขับถ่ายเป็นปกติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาท้องผูก การรับประทานฟักทองเป็นประจำจะช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดอาการอึดอัดจากการขับถ่ายไม่คล่องได้เป็นอย่างดี

• บำรุงและรักษาสายตา

          ฟักทองเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วย Beta-Carotene ซึ่งร่างกายสามารถเปลี่ยนให้เป็นวิตามินเอได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิตามินเอนี้มีส่วนช่วยสำคัญในการบำรุงสายตา ช่วยป้องกันความเสื่อมของจอประสาทตา อีกทั้งยังลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่เกี่ยวกับดวงตา และช่วยให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้น

• ช่วยให้อารมณ์ดี

         เมล็ดฟักทองเป็นแหล่งของกรดอะมิโน Tryptophan ที่สำคัญ ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการผลิต Serotonin ที่เป็นสารสื่อประสาทที่มีบทบาทในการควบคุมอารมณ์และสร้างความสุข การบริโภคเมล็ดฟักทองสามารถช่วยลดความเครียด เสริมสร้างความผ่อนคลาย และช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น 

• ช่วยบำรุงประสาท

         น้ำมันจากเมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็น เช่น Omega-3 และ Omega-6 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างและบำรุงระบบประสาท การบริโภคน้ำมันจากเมล็ดฟักทองจึงมีส่วนช่วยให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมสุขภาพประสาทในระยะยาว

• ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด

         ฟักทองมีสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 การรับประทานฟักทองในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยลดการเพิ่มขึ้นของน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงถึงปริมาณการบริโภคเพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับคาร์โบไฮเดรตเกินความจำเป็น

• ส่งเสริมระบบย่อยอาหาร

         ฟักทองเป็นอาหารที่มีฤทธิ์อุ่นตามหลักแพทย์แผนจีน ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้กระเพาะและลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการท้องอืด แน่นท้อง และช่วยลดความไม่สบายตัวจากการย่อยอาหารที่ผิดปกติ ฟักทองจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารหรือระบบทางเดินอาหารโดยรวม

• ช่วยรักษาอาการต่อมลูกหมากโตในผู้ชาย

          เมล็ดฟักทองมีสารสำคัญที่มีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนแอนโดรเจน (Antiandrogenic Effect) ซึ่งช่วยยับยั้งการกระตุ้นฮอร์โมนที่ทำให้ต่อมลูกหมากขยายตัว การบริโภคสารสกัดจากเมล็ดฟักทองในปริมาณที่เหมาะสม อาจช่วยลดอาการต่อมลูกหมากโต โดยเฉพาะในผู้ชายที่เริ่มมีปัญหาด้านระบบปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะบ่อยหรือไม่สุด ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์หากมีอาการรุนแรง เพื่อการรักษาที่เหมาะสม

• ช่วยขับพยาธิตัวตืดได้

          ฟักทองมีสาร Cucurbitine (3-Amino-3 carboxy pyrrolidine) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่ช่วยขับพยาธิตัวตืดออกจากร่างกายได้ โดยสารนี้จะทำให้พยาธิตัวตืดอ่อนแอลงและหลุดออกจากระบบทางเดินอาหาร การบริโภคเมล็ดฟักทองหรือน้ำมันจากเมล็ดฟักทองในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยเสริมการขับพยาธิในร่างกาย แต่หากมีอาการป่วยหรือสงสัยเกี่ยวกับการติดเชื้อพยาธิ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง

• ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ

         ฟักทองมีสารเบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบและป้องกันความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย เบต้าแคโรทีนยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โดยการรับประทานฟักทองเป็นประจำสามารถช่วยเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างดี

• มีส่วนช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

         การวิจัยพบว่า สารเบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) ที่มีอยู่ในเนื้อสีเหลืองของฟักทองมีฤทธิ์ต้านการเติบโตของเซลล์มะเร็งและช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โดยสารต้านอนุมูลอิสระนี้สามารถช่วยลดการอักเสบและป้องกันความเสียหายของดีเอ็นเอในเซลล์ ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงน้อยลงในการเกิดโรคมะเร็ง

          เห็นประโยชน์ของฟักทองข้างต้นแล้ว ต้องบอกเลยว่าอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายจริงๆ ค่ะ นอกจากนี้ฟักทองยังช่วยเสริมคุณค่าทางโภชนาการให้กับเมนูอาหารต่างๆ และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายๆ ด้าน แต่อย่าลืมระมัดระวังเรื่องการรับประทานให้เหมาะสมในแต่ละวันนะคะ เพื่อให้เราได้รับประโยชน์จากฟักทองอย่างเต็มที่โดยไม่เกินความจำเป็นค่ะ

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

 

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews