Home
|
ไลฟ์สไตล์

“DeepSeek” AI จากจีน คู่แข่งน้องใหม่ในตลาด Generative AI

Featured Image

DeepSeek คือใคร? ทำไม AI สัญชาติจีนรายนี้ถึงถูกมองว่าอาจล้มยักษ์ใหญ่อย่าง ChatGPT และ Gemini ได้?

 

          ดีฟซีก (DeepSeek) แชทบอทผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) น้องใหม่จากจีนที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นกระแสร้อนแรงในวงการเทคโนโลยี ด้วยความสามารถที่ไม่แพ้ ChatGPT ของ OpenAI หรือ Gemini จาก Google แถมยังเปิดให้ใช้งานฟรี ทำให้หลายคนจับตามองว่า DeepSeek อาจเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในตลาด AI

 

DeepSeek คืออะไร?

          DeepSeek เป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์จากประเทศจีนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2023 โดย Liang Wenfeng บริษัทนี้ได้รับการสนับสนุนจาก High-Flyer Hedge Fund ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน

          DeepSeek มีการทำงานพื้นฐานคล้ายกับ Generative AI ทั่วไป โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถ ถาม-ตอบ เรื่องทั่วไปที่สงสัยได้ หรือขอความช่วยเหลือในโจทย์ที่ซับซ้อนได้ เช่น การแปลภาษา การสรุปไฟล์เอกสาร การแก้โจทย์คณิตศาสตร์ DeepSeek ก็ทำได้เช่นกัน และนอกจากการ ถาม-ตอบคำถามทั่ว ๆ ไปแล้ว DeepSeek จะมีความสามารถที่น่าสนใจอยู่ด้วยกันหลัก ๆ 2 ส่วน ได้แก่

 

1. DeepThink ประมวลผลคำตอบเชิงลึกและมีเหตุผล

วิธีใช้งาน กดไอคอน DeepThink (R1) ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ

เมื่อเราใช้ฟีเจอร์นี้ระบบจะวิเคราะห์คำถามเชิงลึก ให้คำตอบที่ละเอียดและมีเหตุผลชัดเจน เหมาะสำหรับคำถามที่ซับซ้อน

ฟีเจอร์นี้แม้จะใช้เวลาประมวลผลนานกว่า แต่สามารถทดแทนฟีเจอร์แบบเสียเงิน เช่น ChatGPT Pro Mode ที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึงเดือนละ 6,800 บาท

 

2. Search หาคำตอบพร้อมแหล่งที่มา

วิธีการใช้คือกดที่ไอคอนที่เขียนว่า Search บริเวณมุมซ้ายล่างของหน้าจอ 

ฟีเจอร์นี้จะเป็นการถาม-ตอบ เรื่องทั่ว ๆ ไป แต่ DeepSeek จะหาแหล่งที่มาของข้อมูลให้เราด้วยว่า นำคำตอบนี้มาจากเว็บไซต์ใด ทำให้คำตอบที่ได้ดูมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น 

 

          นอกจากนี้ในเบื้องต้น DeepSeek จะสามารถประมวลผลไฟล์เอกสาร และไฟล์รูปภาพได้ด้วย แต่จะยังไม่มีส่วนเสริมในการสร้างรูปภาพตามคำบอกได้เหมือน Generative AI ตัวอื่น ๆ ในเวลานี้ 

 

ความสามารถที่โดดเด่นของ DeepSeek

          จากข้อมูลที่มีการเผยแพร่ DeepSeek แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่เหนือกว่า AI ตัวอื่น ๆ ในหลายด้าน โดยผลการทดสอบที่น่าสนใจมีดังนี้

ผลการทดสอบด้านคณิตศาสตร์ (MATH-500 EM)

  • DeepSeek: 90.2 คะแนน
  • Claude-3.5: 78.3 คะแนน
  • ChatGPT-4o: 74.6 คะแนน

 

ผลการทดสอบเขียนโค้ดแก้ปัญหา (Codeforces Percentile)

  • DeepSeek: 51.6%
  • ChatGPT-4o: 23.6%
  • Claude-3.5: 20.3%

 

          แต่ไฮไลต์ของ DeepSeek จริง ๆ จะอยู่ในมุมของนักพัฒนามากกว่า เพราะเบื้องต้นมีข้อมูลว่า “ต้นทุนต่อคำถาม” บน DeepSeek นั้นถูกมาก ๆ ทำให้ไม่ต้องใช้ทรัพยากรในการประมวลผลเยอะ ก็สามารถประมวลผลแบบโหด ๆ ได้

โดยค่าบริการสำหรับประมวลผลบน DeepSeek ถ้าเทียบกับ ChatGPT-4o จะแบ่งได้ตามนี้

เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายต่อ 1 ล้าน Tokens (1 Token ประกอบด้วย 3-4 ตัวอักษร)

  1. ค่าใช้จ่ายสำหรับ “คำถาม”
  • DeepSeek R1 : 0.55 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 18.50 บาท)
  • ChatGPT-4o : 2.50 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 84 บาท)

 

  1. ค่าใช้จ่ายสำหรับ “คำตอบ”
  • DeepSeek R1 : 2.19 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 73.60 บาท)
  • ChatGPT-4o : 10 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 366 บาท)

 

          แม้ DeepSeek จะมาพร้อมฟีเจอร์และความสามารถที่เทียบชั้น AI ชั้นนำ ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเปิดให้ใช้งานฟรีในช่วงเริ่มต้น นับเป็นจุดดึงดูดสำคัญที่อาจทำให้ผู้ใช้งานทั่วโลกสนใจมากขึ้น

          และด้วยศักยภาพของ DeepSeek ที่เข้ามาเป็นผู้เล่นรายใหม่ในวงการ AI ควบคู่กับต้นทุนที่ต่ำและความสามารถหลากหลาย คงต้องติดตามว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการ AI จะพัฒนานวัตกรรมหรือฟีเจอร์ใดเพื่อแข่งขันในตลาดที่กำลังร้อนแรงนี้

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube