ไขความลับ ! ค่าตับปกติเท่าไหร่ ? พร้อมวิธีดูแลตับให้แข็งแรง

‘ตับ’ เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบการทำงานของร่างกาย ทำหน้าที่กำจัดสารพิษ สร้างพลังงาน และผลิตโปรตีนที่จำเป็น แต่หลายคนอาจละเลยการดูแลสุขภาพตับ จนกระทั่งเกิดความผิดปกติขึ้น หนึ่งในตัวบ่งชี้สุขภาพตับที่สำคัญ คือค่าตับ ซึ่งบ่งบอกถึงระดับเอนไซม์ในเลือดที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของตับ ค่าตับที่ผิดปกติอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคตับ เช่น ตับอักเสบ ตับแข็ง หรือมะเร็งตับ

บทความนี้จะพาไปไขข้อข้องใจกันว่าค่าตับปกติเท่าไหร่ พร้อมแนะนำวิธีดูแลตับให้แข็งแรง เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

 

ตอบคำถามชัด ! ค่าตับปกติเท่าไหร่ ?

“ค่าตับปกติเท่าไหร่ ?” คำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัย ซึ่งค่าตับปกติสามารถตรวจสอบได้จากการตรวจเลือดเพื่อตรวจวัดเอนไซม์และโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของตับ ซึ่งค่าที่สำคัญประกอบด้วย:

1. AST (Aspartate Aminotransferase) ค่า AST ปกติอยู่ระหว่าง 5-40 U/L (ยูนิตต่อลิตร) หากค่าดังกล่าวสูง อาจเป็นสัญญาณของการอักเสบของตับ หรือเซลล์ตับที่เสียหาย

2. ALT (Alanine Aminotransferase) ค่า ALT ปกติอยู่ระหว่าง 7-56 U/L ค่า ALT ที่สูงกว่าปกติอาจแสดงถึงการบาดเจ็บของตับจากภาวะต่าง ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบ หรือโรคไขมันพอกตับ

3. ALP (Alkaline Phosphatase) ค่า ALP ปกติอยู่ที่ 40-129 U/L ค่า ALP สามารถบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับท่อน้ำดีหรือกระดูกได้

4. Bilirubin ค่าปกติของ Bilirubin อยู่ที่ 0.1-1.2 mg/dL ค่านี้เกี่ยวข้องกับการกำจัดเม็ดเลือดแดงที่เสื่อมสภาพ และหากมีความผิดปกติ อาจแสดงถึงโรคตับหรือท่อน้ำดีอุดตัน

 

การดูแลตับเพื่อรักษาค่าตับให้อยู่ในระดับปกติ

ได้รู้กันไปแล้วว่าค่าตับปกติเท่าไหร่ การดูแลสุขภาพของตับเพื่อให้อยู่ในค่าปกติ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยสามารถทำได้ดังนี้

1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว น้ำตาล และสารปรุงแต่งต่าง ๆ ที่อาจทำให้ตับทำงานหนัก

2. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญของโรคตับแข็งและตับอักเสบ การลด หรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับได้

3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยลดไขมันในร่างกายและลดการสะสมไขมันในตับ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้ค่าตับปกติเท่าไหร่ก็ไม่เสี่ยงต่อโรค

4. หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น ยาบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับ การใช้ยาควรเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น

5. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ การตรวจสุขภาพประจำปีช่วยให้สามารถติดตามค่าตับปกติและค้นพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะแรก การรักษาจึงสามารถทำได้อย่างทันท่วงที

การศึกษาว่าค่าตับปกติเท่าไหร่ เป็นตัวบ่งชี้หนึ่งของสุขภาพตับ การดูแลสุขภาพโดยรวม ควบคู่กับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ จึงเป็นสิ่งสำคัญ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพตับ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม