ความทรงจำที่ปล่อยวาง : ทำไมการลืมอดีตที่เจ็บปวดถึงสำคัญต่อหัวใจ?

บางครั้งอดีตที่เจ็บปวดก็คล้ายเงาที่ติดตามเรา ไม่ว่าจะเป็นความผิดหวัง ความสูญเสีย หรือร่องรอยของเรื่องราวที่ทิ้งไว้ในใจ แม้วันเวลาจะผ่านไป แต่ทำไมบางคนยังจมอยู่กับมัน? 9
และในวันที่ 9 มีนาคม วันลืมอดีตที่เจ็บปวด (National Get Over It Day) เราอาจตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เรายังให้ความสำคัญกับอดีตมากเกินไปหรือเปล่า?” และถ้าการลืมเป็นเรื่องยาก เราจะรับมือกับมันอย่างไรเพื่อให้หัวใจเป็นอิสระ?
ทำไมเราถึงลืมอดีตที่เจ็บปวดได้ยาก?
สมองของเราถูกออกแบบมาให้จดจำเรื่องร้ายๆมากกว่าเรื่องดี
งานวิจัยทางจิตวิทยาพบว่า สมองของมนุษย์มีแนวโน้มจดจำเหตุการณ์ด้านลบได้ดีกว่า เพราะเป็นกลไกป้องกันตัวเองเพื่อให้เราเรียนรู้จากความผิดพลาดและหลีกเลี่ยงอันตรายในอนาคต
กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับ amygdala ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสมองที่มีบทบาทสำคัญในการประมวลผลอารมณ์ เมื่อเหตุการณ์นั้นส่งผลกระทบต่อความรู้สึกอย่างรุนแรง hippocampus ซึ่งทำหน้าที่จัดเก็บความทรงจำก็จะบันทึกมันไว้อย่างละเอียด ทำให้เราลืมได้ยากขึ้น
อารมณ์เป็นตัวเชื่อมโยงกับความทรงจำ
เหตุการณ์ที่มีอารมณ์เข้มข้น เช่น ความเศร้า ความเสียใจ หรือความหวาดกลัว จะถูกบันทึกลงในสมองอย่างอย่างสมบูรณ์ ยิ่งอารมณ์รุนแรงเท่าไร เราก็ยิ่งลืมได้ยากเท่านั้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมหลายคนยังจำคำพูดสุดท้ายของคนรักเก่าได้ หรือยังคงรู้สึกปวดใจเมื่อเดินผ่านสถานที่ที่เคยมีความทรงจำร่วมกัน
เราย้ำคิดย้ำทำโดยไม่รู้ตัว
หลายครั้งเราไม่ได้อยากจำ แต่อดีตกลับมาวนซ้ำๆอยู่ในหัวของเราเอง เพราะเรายังหาคำตอบไม่ได้ หรือยังรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น คนที่เคยพลาดโอกาสครั้งสำคัญ อาจเฝ้าคิดซ้ำๆ ว่า “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะทำให้ดีกว่านี้” ทำให้ติดอยู่กับความรู้สึกเสียดายและโทษตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ก้าวข้ามอดีตอย่างไรให้ใจเป็นอิสระ?
ยอมรับ ไม่ใช่หลีกหนี
การลืมไม่ใช่การลบความทรงจำ แต่คือการยอมรับว่า “มันเคยเกิดขึ้นแล้ว” และเราสามารถอยู่กับมันได้โดยไม่ให้มันมากำหนดปัจจุบันของเรา อดีตไม่ได้เป็นตัวกำหนดคุณค่าในปัจจุบัน หากเราเลือกที่จะมองมันเป็นเพียงบทหนึ่งของชีวิต
เปลี่ยนความหมายของอดีต
แทนที่จะมองว่าอดีตที่เจ็บปวดคือโซ่ที่ล่ามเราเอาไว้ ในทางกลับกันให้ลองมองว่ามันคือบทเรียนที่ทำให้เราเติบโตขึ้น ตัวอย่างเช่น J.K. Rowling เคยเผชิญกับความล้มเหลวอย่างหนักก่อนจะสร้าง Harry Potter ได้สำเร็จ เธอเคยกล่าวไว้ว่า “ความล้มเหลวเป็นรากฐานของความเข้มแข็ง” ถ้าเธอปล่อยให้ความล้มเหลวกำหนดชีวิต เราอาจไม่มีหนังสือชุดนี้ที่เปลี่ยนโลกไปตลอดกาล
ฝึกสติและอยู่กับปัจจุบัน
การฝึกสมาธิ หรือการใช้เทคนิค grounding เช่น การหายใจลึกๆ การสังเกตสิ่งรอบตัว หรือการใช้ประสาทสัมผัสสัมผัสสิ่งที่จับต้องได้ ช่วยให้เราหลุดออกจากวงจรของความคิดเกี่ยวกับอดีต และจดจ่อกับปัจจุบันมากขึ้น
ขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น
หากอดีตที่เจ็บปวดยังคงส่งผลต่อสุขภาพจิต การพูดคุยกับนักจิตวิทยาหรือคนที่ไว้ใจได้ อาจเป็นก้าวสำคัญในการเยียวยาตัวเอง ไม่มีอะไรผิดปกติในการขอความช่วยเหลือ เพราะบางครั้งเราต้องการมุมมองภายนอกเพื่อช่วยให้เราเข้าใจตนเองได้ดียิ่งขึ้น
และในวันที่ 9 มีนาคม วันลืมอดีตที่เจ็บปวด นี้ ไม่ได้หมายความว่าเราต้องลืมทุกอย่างในทันที แต่มันอาจเป็นโอกาสให้เราตั้งหลักใหม่ เริ่มปล่อยวาง และเปิดใจให้ตัวเองมีพื้นที่สำหรับปัจจุบัน บางทีการก้าวไปข้างหน้าไม่ได้เริ่มจากการพยายามลืมอดีต แต่เป็นการเลือกที่จะไม่ให้มันนิยามตัวเราอีกต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews