Home
|
ไลฟ์สไตล์

Featured Image

          ของขวัญเซอร์ไพรส์ที่มากับทุกเทศกาล ดอกไม้ที่แนบติดมือมาฝากทุกครั้งที่พบหน้า คำพูดที่พรั่งพรูถึงความรักอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อาจเป็นสิ่งธรรมดาสำหรับคู่รักที่เพิ่งเริ่มต้นเส้นทางแห่งความหวานชื่น แต่หากทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับคนที่เราเพิ่งรู้จักได้เพียงสองสัปดาห์ล่ะ? จะยังคงดูเป็นเรื่องธรรมดาอยู่ไหม?

          เราต่างรู้ดีว่าความรักมีช่วงเวลาแห่งความหวานชื่น ช่วงที่แรงปรารถนาผลักดันให้เราทุ่มเท มอบสิ่งพิเศษให้กันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทว่า ‘Love Bombing’  เป็นอะไรที่ใกล้เคียงกัน จนเราอาจจะแยกไม่ออก ระหว่างช่วงโปรโมชั่นกับพฤติกรรม Red Flag ในความรักอย่าง Love Bombing

 

Love Bombing คืออะไร?

          Love Bombing คือพฤติกรรมแห่งการทุ่มเทความรักในช่วงแรกของความสัมพันธ์ ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบเกินกว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ คำพูดที่แสนเข้าใจ ของขวัญที่ถูกเลือกมาอย่างพิถีพิถัน ทุกสิ่งสอดคล้องกับตัวตนของเราอย่างน่าอัศจรรย์ จนเราอดคิดไม่ได้ว่า นี่อาจเป็น ‘คนที่ใช่’ ที่ตามหามาตลอด

          แต่เมื่อความรักนี้ค่อย ๆ พาเราเข้าสู่กับดักของมัน เราจะเริ่มเสพติดความเอาใจใส่เหล่านั้น เฝ้ารอถ้อยคำหวาน ๆ และการกระทำที่เต็มไปด้วยความหมาย ทว่าหลังจากที่เขามั่นใจว่าเราติดอยู่ในวังวนแห่งความรักจนถอนตัวไม่ขึ้น สิ่งที่เคยหลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสายกลับเหือดแห้งไป ราวกับทุกสิ่งที่ผ่านมาเป็นเพียงมายาคติที่เขาสร้างขึ้นเพื่อให้เราหลงใหลเท่านั้น

          และที่เลวร้ายยิ่งกว่า คือ Love Bombing สามารถพัฒนาไปสู่การควบคุมทางจิตใจ (Manipulation) หรือการบิดเบือนความจริง (Gaslighting) ได้อีกด้วย เขาทำให้เรารู้สึกว่าตัวตนและคุณค่าของเราขึ้นอยู่กับความรักที่เขามอบให้ จนท้ายที่สุด เราอาจยอมอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีแต่การบงการโดยไม่รู้ตัว

 

ทำไมบางคนถึงใช้ Love Bombing?

          ศาสตราจารย์มีเรียม สตีล (Miriam Steele) และนักจิตบำบัด ลีอา ฮยอน (Lia Huynh) อธิบายว่า สาเหตุของ Love Bombing สามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่

 

  1. ความต้องการควบคุม (Manipulation)

          เกี่ยวข้องกับบุคลิกภาพแบบหลงตัวเอง (Narcissistic Personality Disorder) บุคคลเหล่านี้มักต้องการเป็นศูนย์กลางของความสนใจ เชื่อว่าตนเองอยู่เหนือกว่าผู้อื่น จึงพยายามควบคุมอีกฝ่ายให้อยู่ในเกมของตัวเอง อาจมาในรูปของ ‘ผู้มอบความช่วยเหลือ’ ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองถูกช่วยให้พ้นจากความโดดเดี่ยว แล้วจึงใช้ความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณนั้นผูกมัดเราไว้

 

  1. ความพยายามเยียวยาบาดแผลในอดีต

          ในบางกรณี Love Bombing ไม่ได้เกิดจากเจตนาร้าย แต่เป็นผลจากบาดแผลทางใจ คนที่เคยถูกทอดทิ้งหรือเคยมีความสัมพันธ์ล้มเหลว อาจใช้การทุ่มเทความรักอย่างสุดโต่งเป็นเกราะป้องกันตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น A เคยถูกคนรักเก่าทอดทิ้ง ทำให้เมื่อเริ่มต้นใหม่กับ B เขาจึงมอบความรักทั้งหมดที่มีเพื่อให้แน่ใจว่า B จะไม่หายไปไหน แต่เมื่อมั่นใจแล้วว่า B ไม่ทอดทิ้ง A อาจเริ่มลดความใส่ใจลง เพราะเขารู้สึกว่าเป้าหมายของตนสำเร็จแล้ว

 

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น Love Bombing หรือแค่ความรักที่จืดจางตามกาลเวลา?

 

          ความรักย่อมมีช่วงเวลาที่หวานและจืดจางเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งที่ทำให้ Love Bombing แตกต่างออกไปคือ เจตนาที่แฝงอยู่ตั้งแต่ต้น

          ในขณะที่ความรักปกติค่อย ๆ พัฒนาไปตามกาลเวลา Love Bombing กลับเป็นการเร่งเครื่องอย่างฉับพลันเพื่อไปถึงเป้าหมายบางอย่าง เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว ความหวานที่เคยมีก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว และอาจถูกแทนที่ด้วยการควบคุม หรือความเฉยชาอย่างสิ้นเชิง

          ยิ่งไปกว่านั้น Love Bombing ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในช่วงแรกของความสัมพันธ์เท่านั้น แต่อาจเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากการทะเลาะใหญ่ หรือช่วงง้องอนกันหลังเลิกรา เพื่อดึงอีกฝ่ายกลับเข้าไปอยู่ในวังวนของความสัมพันธ์เดิม

 

Love Bombing ไม่ได้เกิดแค่ในความสัมพันธ์โรแมนติก

 

          แม้ว่าจะพบได้บ่อยในคู่รัก แต่ Love Bombing สามารถเกิดขึ้นในมิตรภาพหรือที่ทำงานได้เช่นกัน เช่น เจ้านายที่แสดงความเมตตาเกินจริงเพื่อทำให้พนักงานรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ หรือเพื่อนที่คอยให้ของขวัญและช่วยเหลือเสมอ แต่เมื่อถึงเวลาต้องการความช่วยเหลือกลับใช้สิ่งเหล่านั้นมาเรียกร้องบางอย่างแทน

 

วิธีป้องกันตัวเองจาก Love Bombing

 

ตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ 

          ถ้ามีคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานแต่แสดงความรักกับคุณมากเกินไป ลองตั้งคำถามว่าเร็วเกินไปไหม? หรืออีกฝ่ายพยายามสร้างภาพลวงตาของ ‘รักแท้’ หรือเปล่า?

 

สังเกตพฤติกรรมในระยะยาว

          แทนที่จะตัดสินใจด้วยความรู้สึกที่เกิดขึ้นในช่วงแรก ลองให้เวลาและดูว่าความรักของเขามีความสม่ำเสมอหรือเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเราเริ่มให้ใจกลับ

 

เติมเต็มตัวเองก่อนตกหลุมรักใคร

          การมีความรักให้ตัวเองเป็นเกราะป้องกันสำคัญ เพราะเมื่อเราเห็นคุณค่าในตัวเอง เราจะไม่ง่ายต่อการถูกชักจูงด้วยคำพูดหวาน ๆ หรือการทุ่มเทที่ดูเกินจริง

 

สรุป

          Love Bombing ไม่ใช่แค่ความรักที่หวานจนเกินพอดี แต่มันคือกลยุทธ์ที่บางคนใช้เพื่อสร้างความผูกพันในระยะเวลาอันสั้น ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นการควบคุมทางอารมณ์และจิตใจ การสังเกตพฤติกรรมของอีกฝ่าย ตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ รักตัวเองให้มากพอ จะช่วยให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของ Love Bombing และสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรงและยืนยาวได้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

Verywellhealth

Verywellmind

Cosmopolitan

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube