Home
|
ไลฟ์สไตล์

ยกกระชับหน้าแบบไหนคุ้มค่าที่สุด รวมทุกคำตอบสำหรับข้อสงสัยที่นี่

Featured Image

ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยเป็นปัญหาที่หลายคนกังวล เพราะทำให้ดูแก่กว่าวัยและส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีวิธีการยกกระชับใบหน้าหลากหลายรูปแบบให้เลือก ทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด แต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน วันนี้บทความของเราขอชวนคุณมาทำความรู้จักกับการยกกระชับหน้าแต่ละแบบ เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวคุณมากที่สุด

 ยกกระชับคืออะไร?

การยกกระชับใบหน้า คือการรักษาเพื่อแก้ไขปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ริ้วรอย และร่องแก้มลึก ซึ่งเกิดจากการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังตามวัย ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดการหย่อนคล้อย การยกกระชับจะช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้กลับมากระชับ ตึง เต่งขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์

 วิธีการเลือกรูปแบบการยกกระชับหน้า

ในการเลือกวิธียกกระชับใบหน้าเพื่อให้ตอบโจทย์ตนเอง ควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  • ระดับความรุนแรงของปัญหาผิวหย่อนคล้อย
  • งบประมาณที่มี
  • ระยะเวลาพักฟื้นที่ยอมรับได้
  • ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • ความคงทนของผลลัพธ์ที่ต้องการ

รูปแบบยกกระชับหน้าที่ควรรู้จัก

ปัจจุบันหัตถการการยกกระชับหน้าก็มีหลายแบบด้วยกัน โดยรูปแบบที่ควรรู้จักสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 หัวข้อใหญ่ ๆ ด้วยกัน ได้แก่

 1. การยกกระชับหน้าแบบผ่าตัด

การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและคงทนที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก แพทย์จะทำการตัดและดึงผิวหนังส่วนเกิน พร้อมจัดโครงสร้างกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังให้กระชับขึ้น โดยค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 – 500,000 บาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการผ่าตัดและชื่อเสียงของสถานพยาบาล มีข้อดีคือ ให้ผลลัพธ์ชัดเจน ผลการรักษาคงทนยาวนาน 5 – 10 ปี และสามารถแก้ไขปัญหาได้ครอบคลุมทั้งใบหน้า อย่างไรก็ตามมีข้อควรพิจารณาคือ มีความเสี่ยงจากการผ่าตัดและการดมยา รวมถึงมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

 2. การยกกระชับหน้าแบบไม่ผ่าตัด

สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่มาก หรือต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัด สามารถเลือกการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดได้ เช่น อัลเทอร่า (Ulthera) ซึ่งใช้พลังงานอัลตราซาวด์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดย Ulthera ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 9,990 – 119,990 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนช็อตและพื้นที่การรักษา นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีอื่น ๆ สำหรับการรักษาการยกกระชับหน้าพร้อมราคาโดยประมาณ ได้แก่

  • HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) :15,000 – 40,000 บาท
  • RF (Radio Frequency) :3,000 – 100,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นกับประเภทของ RF 
  • เทอร์มาจ (Thermage) :50,000 – 150,000 บาท ขึ้นกับรุ่น จำนวนช็อต บริเวณที่ทำ และสถานพยาบาล 
  • ร้อยไหม (Thread Lift) :20,000 – 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนเส้นและชนิดของไหม

โดยมีข้อดี คือ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน มีความเสี่ยงน้อย และราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม อาจเหมาะกับคนที่ไม่ได้มีผิวหนังส่วนเกินมาก หรือความหย่อนคล้อยรุนแรง แต่จะได้ความยกกระชับพร้อมคุณภาพผิวที่ดีขึ้นด้วย 

 สรุปบทความ

การยกกระชับใบหน้ามีให้เลือกหลายวิธี ทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด รวมถึงมีงบประมาณและราคาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละวิธีการ การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งความรุนแรงของปัญหา งบประมาณ และความพร้อมในการพักฟื้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด แต่หากปัญหายังไม่รุนแรง การรักษาแบบไม่ผ่าตัดก็สามารถช่วยชะลอความเสื่อมและฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube