ราชทัณฑ์เผยยอดผู้ต้องขังติดโควิดเพิ่ม91คน
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผย ยอด ผู้ต้องขังติดโควิด ล่าสุดเพิ่ม 91 คน รวมสะสม 29,130 ราย แจงปมผู้ป่วยเสียชีวิต4รายสาเหตุเพราะมีโรคประจำตัว
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิด เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 6 มิถุนายน 2564 เวลา 16.00 น.) มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 91 ราย รวมสะสม 29,130 ราย รักษาหายเพิ่ม 842 ราย เสียชีวิต 4 ราย ทำให้มีผู้ต้องขังติดเชื้อ ที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 13,008 ราย
ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถาน พบว่ามีเรือนจำ/ทัณฑสถานที่ไม่พบการแพร่ระบาดคงที่ จำนวน 126 แห่ง พบการแพร่ระบาดจำนวน 12 แห่งเท่าเดิม และยังคงเข้มมาตรการป้องกันเชื้อ คือ อย่าให้มีการนำเชื้อเข้า เร่งดำเนินการรักษาเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต และระวังอย่าให้นำเชื้อจากเรือนจำที่พบการแพร่ระบาดออกภายนอก
โดยเฉพาะการเร่งค้นหาและคัดแยกผู้ป่วยในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ที่พบการแพร่ระบาด ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผู้ต้องขังได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วแล้ว ยังสามารถคัดกรองผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ ให้ได้รับการจัดสรรวัคซีน ซึ่งจะช่วยลดการแพร่ระบาดภายในเรือนจำ/ทัณฑสถานได้อีกทาง
ด้านการดำเนินการฉีดวัคซีน นายอายุตม์ฯ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนในเรือนจำ/ทัณฑสถานไปแล้ว จำนวน 9 แห่ง คือ เรือนจำกลางสมุทรปราการ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษปทุมธานี เรือนจำกลางระยอง เรือนจำกลางนครปฐม เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี เรือนจำพิเศษพัทยา ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เรือนจำจังหวัดภูเก็ต และเรือนจำพิเศษมีนบุรี
ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนการดำเนินการต่อจากนี้ ในระยะแรกจะเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนในผู้ต้องขัง 3 กลุ่ม ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากที่สุด
ส่วนกรณีของผู้ต้องขังที่เสียชีวิต 4 รายในวันนี้ เป็นผู้ต้องขังที่เสียชีวิต ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 3 ราย และที่โรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง 1 ราย โดยทั้ง 4 ราย เป็นผู้ต้องขังในกลุ่มเปราะบาง คือ มีโรคประจำตัว ซึ่งแพทย์ได้ให้ยาและรักษาตามกระบวนการอย่างเต็มที่ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตของผู้ป่วยทั้ง 4 รายไว้ได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news