ตำรวจปทุมวัน เตรียมตั้ง 4 ข้อหา รุ่นพี่สถาบันดัง รุมทำร้าย “น้องปลื้ม” เสียชีวิต รอคณะกรรมการมหาวิทยาลัยชี้แจงข้อเท็จจริง
พันตำรวจเอกพันษา อมราพิทักษ์ ผู้กำกับการ สน.ปทุมวัน พร้อมฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง เพื่อตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติม และพูดคุยกับผู้บริหาร กรณีการเสียชีวิตของนายวีรพัฒน์ หรือ ปลื้ม ตามกลาง อายุ 22 ปี นักศึกษาปี 2 คณะวิศวกรรมโยธา รุ่น 89 แผนกวิศวกรรมก่อสร้าง ที่ถูกรุ่นพี่รุ่น 88 ลง โทษด้วยการทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปสังเกตการณ์
เบื้องต้นผู้กำกับการ สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่าตำรวจได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องไปแล้วบางส่วน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายลักษณะทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาผู้ใด เนื่องจากอยู่ระหว่างสืบสวน ซึ่งจะพิจารณาถึงข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร มีผู้ร่วมกระทำผิดกี่คน เป็นใครบ้าง แต่ทั้งนี้ได้ออกหมายเรียกนักศึกษาปี 1 ที่กำลังจะขึ้นปี 2 กว่า 10 คน มาให้ปากคำแล้ว และพบข้อมูลที่เป็นประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ตำรวจจะออกหมายเรียกกลุ่มรุ่นพี่อีก 5-6 คนมาให้ปากคำ ตำรวจจะรอให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของทางมหาวิทยาลัย ตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง และนักศึกษากลุ่มนี้เข้าไปในมหาวิทยาลัยได้อย่างไร เนื่องจากมหาวิทยาลัยปิดอยู่ โดยเฉพาะกทม.ที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือ ครูเวร ปล่อยให้เข้าไปได้อย่างไร จากนั้นจะพิจารณาออกหมายเรียกรุ่นพี่กลุ่มดังกล่าว ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดถึง 4 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, บุกรุกสถานที่ในยามวิกาล, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค
ทั้งนี้ ผู้กระทำความผิดนั้นย่อมรู้ตัวเองอยู่แล้ว ก็ขอให้ยอมรับผิดและให้ความร่วมมือกับการสืบสวนของตำรวจ ส่วนตนเองก็ขอให้ความมั่นใจว่าตำรวจจะดำเนินการตรงไปตรงมา และส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมการรับน้องที่ใช้ความรุนแรงจนนำไปสู่การเสียชีวิต ส่วนตัวแทนมหาวิทยาลัยที่จะนำพยานหลักฐานมามอบให้กับตำรวจอย่างเป็นทางการนั้น ได้ประสานมาแล้ว แต่ยังไม่มีกำหนดการแน่ชัด ซึ่งได้มีการพูดคุยกันมาโดยตลอด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news