ยังคุมไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้วไม่ได้ กู้ภัยสังเวยแล้ว 1 ศพ เจ็บเกือบ 30 ราย บ้านพัง 70 หลัง – สั่งถอนทีมดับเพลิงวางแผนใหม่
นายธีรยุทธ ภูมิภักดิ์ รองผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เปิดเผย แผนการเข้าคุมสถานการณ์เหตุเพลิงไหม้ โรงงานผลิตเม็ดโฟมและเม็ดพลาสติกขนาดใหญ่ ซอยกิ่งแก้ว 21 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างระดมโฟมเพื่อนำมาใช้ฉีดพ่นระงับเหตุไฟไหม้ดังกล่าว เบื้องต้นมากกว่า 4 พันลิตรแล้ว แต่ต้องใช้ปริมาณเท่าไร ยังต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง แต่ปฎิบัติการในระลอกนี้เจ้าหน้าที่จะเข้าปฎิบัติหน้าที่พร้อมกัน เพราะหากทยอยทำจะไม่เป็นผลและโฟมจะถูกเผาไหม้เสียหายไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่หากมีการใช้น้ำยาโฟมไม่เป็นผล ทางเจ้าหน้าที่จะพิจารณาใช้ทรายฝั่งกลบ ซึ่งต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง โดยในพื้นที่ได้มีรถปฎิบัติการกู้ภัยสารเคมีและวัตถุอันตรายของกรุงเทพมหานครกว่า 40 คันเข้ามาในพื้นที่แล้ว
ส่วนแผนการทิ้งสารเคมีจากเฮลิคอปเตอร์ เจ้าหน้าที่ประเมินแล้วคาดว่าไม่เป็นผลจึงต้องรอการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ทั้งนี้ มีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ปฎิบัติหน้าที่ในจุดเกิดเหตุเสียชีวิตแล้ว 1 ราย และมีบาดเจ็บอีกกว่า 10 ราย
สั่งถอนทีมดับเพลิงวางแผนใหม่เข้าระลอก3 พบจนท.-ปชช.บาดเจ็บเกือบ 30 นาย บ้านพัง 70 หลัง
ความคืบหน้าล่าสุดเหตุเพลิงไหม้ภายในโรงงานผลิตเม็ดโฟมและเม็ดพลาสติกขนาดใหญ่ ซอยกิ่งแก้ว 21 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ที่เกิดเพลิงลุกไหม้มาตั้งแต่เวลาประมาณ 03.00 น. ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ และยังมีกลุ่มควันไฟสีดำพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีบ่อน้ำมันขนาดแสนลิตรอยู่ใกล้กับจุดที่เกิดเพลิงไหม้เจ้าหน้าที่ต้องใช้น้ำยาโฟมฉีดหล่อเลี้ยงไม่ให้เกิดความร้อนเพราะเกรงว่าจะเกิดการระเบิดอีกครั้ง
ด้าน นายวรภพ แสงเดือน หัวหน้าครูฝึกของทีมอาสมัครดับเพลิง เปิดเผยว่าสถานการณ์ล่าสุดว่าเตรียมสั่งถอนกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงออกมาทั้งหมด และตั้งกองอำนวยการร่วมเพื่อประชุมวางแผนและตั้งทีมเข้าไประงับเพลิงรอบที่ 3 เนื่องจากประเมินแล้วว่าขณะนี้อุปกรณ์ที่ใช้อยู่ไม่เป็นผล ล่าสุดได้รับการสนับสนุนรถน้ำดับเพลิง น้ำยาโฟมจากสำนักป้องกันแบะบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานครเข้ามาช่วยสนับสนุนแล้ว
นายวรภพ กล่าวว่า สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นเบื้องต้นมีบ้านเรือนประชาชนเสียหาย 70 หลังคาเรือน รถยนต์ 15 คัน มีประชาชนบาดเจ็บ 15 ราย เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงถูกเพลิงไฟขณะปฎิบัติหน้าที่อีก 11 ราย ในจำนวนนี้มีอาการสาหัสด้วยอย่างน้อย 2 ราย
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เผย แผนดับไฟไหม้โรงงานพลาสติกกิ่งแก้ว ชี้ มีสารเคมีตกค้างอยู่ หวั่นเกิดระเบิดซ้ำ
นายวรภพ แสงเดือน หัวหน้าครูฝึกอาสาสมัคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดกรณีไฟไหม้โรงงานผลิตโฟมพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ภายใน ซ.กิ่งแก้ว 21 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ว่า การควบคุมจุดเกิดเหตุ ขณะนี้ได้ส่งทีมปฏิบัติการเข้าไปเป็นรอบที่ 2 ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหน้าที่จาก อบต.ในพื้นที่, อาสาสมัคร, กูชีพ, กู้ภัย รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งแผนการระงับเหตุในตอนนี้จะใช้โฟมในการดับไฟ เนื่องจากว่าการลุกไหม้เกิดจากสาร “ทินเนอร์ โกเมน” เป็นสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตเม็ดโฟม เพราะฉะนั้นในการดับหากใช้น้ำจะไม่เกิดผล แต่จะเป็นการสูบน้ำธรรมชาติเข้ารถดับเพลิงและผสมโฟมเข้าไปและฉีดออกมาเป็นน้ำยาโฟม
นายวรภพยังกล่าวว่า ปัญหาและอุปสรรคในครั้งนี้คือ ทิศทางของการทำงานและกระแสลมรุนแรงมาก ต้องส่งทีมปฏิบัติการไปยังพื้นที่เหนือลมเท่านั้น โดยทีมปฏิบัติการต้องแต่งชุดผจญภัยเต็มตัวเพื่อเตรียมความพร้อมและป้องกันหากมีการระเบิดเกิดขึ้น ทั้งนี้ ไม่สามารถยืนยันเต็มร้อยได้ว่าจะไม่มีการระเบิดเกิดขึ้น ดังนั้น จึงต้องเข้าไประงับเหตุให้เร็วที่สุดโดยการใช้น้ำยาโฟม ซึ่งจากการประเมินน้ำยาโฟมขณะนี้มีเพียง 1,500 ลิตร คาดว่ายังไม่เพียงพอและต้องระดมจากทางภาครัฐมาเพิ่มเติม “ส่วนเฮลิคอปเตอร์ในขณะนี้ยังไม่มีการร้องขอและยังไม่จำเป็นในพื้นที่ แต่หากว่าผู้ใหญ่เห็นถึงความจำเป็นให้พิจารณาอีกส่วนหนึ่งได้” นายวรภพ กล่าว
ด้าน นายอรรถพล เจิรญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า หากมีการประสานการส่งน้ำยาโฟมสามารถประสานเข้ามายังหน้างานโดยตรงได้เลย ซึ่งการประชาสัมพันธ์ รวมถึงการแจ้งเตือนประชาชนนั้น ได้แจ้งเตือนแล้ว และให้สังเกตตัวเองเบื้องต้นว่า หากได้กลิ่นที่มีความผิดปกติให้ออกจากพื้นที่ได้เลย ซึ่งหากสารเคมีเกิดการเผาไหม้แล้วจะมีทั้งสารไซลีน, ซัลเฟอร์ไดออกไซด์, คาร์บอนมอนอกไซด์,โดยสารทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นอันตรายต่อร่างกายทั้งสิ้น ทั้งนี้ ยังต้องป้องกันไม่ให้มีการระเบิดเกิดขึ้นซ้ำ เนื่องจากว่ายังมีสารเคมีตกค้างอยู่ ต้องเฝ้าระวังกันต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news