กรมควบคุมมลพิษ เตือนประชาชนรอบโรงงานกิ่งเเก้วไฟไหม้ ระวังแหล่งน้ำธรรมชาติอาจมีสารเคมีปนเปื้อน ขณะตรวจค่ามลพิษรอบโรงงานไฟไหม้ยังอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
นายพันศักดิ์ ถิรมงคล ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า วันนี้ทางกรมควบคุมมลพิษได้นำเครื่องมือเก็บตัวอย่างอากาศ จำนวน 3 เครื่อง มาตรวจวัดคุณภาพในอากาศรอบพื้นมี่โรงงานหมิงตี้ โดยลักษณะการทำงานของเครื่องชนิดนี้จะดูดเอาอากาศในรัศมี 1 กิโลเมตรไปวิเคราะห์เพื่อจำแนกว่ามีสารใดประกอบอยู่บ้างในรอบเวลา 24 ชั่วโมงเพื่อวิเคราะห์ว่าเป็นอันตรายต่อประชาชนหรือผู้ปฏิบัติงานหรือไม่ เบื้องต้นทางกรมควบคุมมลพิษได้วางแผนจะนำเครื่องมือดังกล่าวไปวางไว้ในบริเวณชุมชน เพื่อวัดค่ามลพิษในแถบบ้านเรือนของประชาชนว่าสามารถกลับเข้าพื้นที่ได้หรือไม่ ส่วนประชาชนควรป้องกันการสูดดมสารพิษ ด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยชนิดป้องกันสารเคมี(คาร์บอน)
นายพันศักดิ์ กล่าวถึง กรณีที่กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่าจะมีฝนตกลงมาในช่วงบ่ายวันนี้ ว่า หากฝนตกจะเกิดผลดี ต่อสภาพอากาศรอบจุดเกิดเหตุ เนื่องจากเป็นการกำจัดมลพิษที่ลอยอยู่ในอากาศและส่งผลให้อุณหภูมิบริเวณจุดระเบิดเย็นลง แต่กลับกันจะส่งผลกระทบกับแหล่งน้ำธรรมชาติโดยรอบ เพราะสารเคมีที่เจ้าหน้าที่ใช้ควบคุมเพลิงจะไหลลงสู่แหล่งน้ำ จึงขอเตือนประชาชนว่าภายในระยะเวลา 1-2 วันงดการสัมผัสฝน และแหล่งน้ำธรรมชาติโดยตรง แต่ยืนยันว่าฝนที่ตกลงมาไม่ใช่ฝนกรดอย่างแน่นอน
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผย เบื้องต้นได้รับรายงานการตรวจคุณภาพอากาศบริเวณโดยรอบจุดเกิดเหตุ พบว่าในรัศมี 1 กิโลเมตร คุณภาพอากาศยังอยู่ในเกณฑ์แปรปรวนซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงต้องจับตาและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ได้เสนอให้ผู้ว่าฯ ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุม ส่วนรัศมีในระยะ 2-5 กม. ในขณะนี้ พบว่าคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งหากสถานการณ์ปกติไม่มีเหตุระเบิดหรือเกิดการปะทุขึ้นอีกคาดว่าจะอนุญาตให้ประชาชนเข้าบ้านเรือนได้ในเร็วๆ
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวเพิ่มเติมว่าในช่วงเที่ยงวันนี้เจ้าหน้าที่ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์รอบพื้นที่เกิดเหตุ เพราะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สภาพอากาศจะเพิ่มสูงขึ้นซึ่งอาจจะส่งผลให้ สารสไตรีนที่อยู่ใต้ดินเกิดการปะทุขึ้นอีกครั้ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
