ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งจำคุกตลอดชีวิต “สาธิต รังคสิริ” อดีต อธ.กรมสรรพากร ร่วม จนท. คดีทุจริตคืนภาษีกว่า 3,000 ล้านบาท
วันนี้ (19 ส.ค ) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อท.126/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามทุจริต 1 ยื่นฟ้อง นายสาธิต รังคสิริ จำเลยที่ 1, นายศุภิจ หรือสิริพงศ์ ริยะการ หรือ ริยะการธีรโชติ อดีตสรรพากรพื้นที่ กทม. เขต 22 (บางรัก) จำเลยที่ 2, นายประสิทธิ์ อัญญโชติ จำเลยที่ 3, นายกิติศักดิ์ อัญญโชติ จำเลยที่ 4 ฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
จากกรณี เมื่อระหว่างวันที่ 20 พ.ค.55 ถึงวันที่ 26 ต.ค.56 พวกจำเลยร่วมและสนับสนุนการกระทำความผิด คือร่วมกันขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยแสดงข้อความเท็จหลอกลวงกรมสรรพากรเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรและเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 22 เพื่อให้ได้ไปซึ่งเงินคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากรและรัฐโดยทุจริต
พฤติการณ์ของจำเลยกับพวก จึงเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อให้ข้อเท็จจริงที่บริษัทนิติบุคคลทั้ง 25 แห่งนั้น ไม่มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มอันเป็นการฉ้อฉลนั้นถูกปกปิด จนที่สุดจำเลยที่ 2 ด้วยความรู้เห็นเป็นใจของจำเลยที่ 1 ได้พิจารณาอนุมัติคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทนิติบุคคลทั้ง 25 แห่งจำนวนหลายครั้ง ในการนี้นายประสิทธิ์ อัญญโชติและนายกิติศักดิ์ อัญญโชติ ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นพ่อลูกกัน กับพวกได้มารับเอาเงินจำนวนตามที่ได้มีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทนิติบุคคลทั้ง 25 แห่งดังกล่าว ไปแบ่งปันกันโดยทุจริตกับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1ได้นำเงินบางส่วนที่ได้รับแบ่งปันโดยทุจริตไปซื้อทรัพย์สินเป็นทองคำแท่งไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว
การกระทำของพวกจำเลยดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจของตนไปโดยมิชอบและทุจริตเบียดบังเงินของรัฐที่อยู่ในอำนาจจัดการดูแลเก็บรักษาของตน ไปเป็นของตนเองและบุคคลอื่นโดยทุจริต เป็นเหตุให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลังและรัฐได้รับความเสียหายเป็นเงิน 3,097,016,533.99 บาท
พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลาย ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย แต่เพียงบทเดียว ตาม ป.อ.มาตรา 90 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตลอดชีวิต
ลงโทษจำคุก จำเลยที่ 3 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ.มาตรา 90 เป็นเวลา 6 ปี 8 เดือน ให้จำเลยที่ 1,2,3 ร่วมกันชดใช้เงิน 3,097,016,533.99 บาท แก่กรมสรรพากระทรวงการคลังและนับโทษของจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำ ฟย.23/2560 (หมายเลขแดง ฟย.47/2561) ของศาลอาญา
และริบของกลางทองคำแท่งน้ำหนัก 77 กิโลกรัม ทองคำแท่งน้ำหนักรวม 7,000 บาททองคำตามคำขอท้ายฟ้อง และทองคำแท่งทุกรายการที่ส่งมอบแก่คณะกรรมการจัดการทรัพย์สิน เมื่อวันที่ 15 พ.ย.62 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก รวมทั้ง ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news