รองโฆษกตร.เตือนประชาชนซื้อรถออนไลน์ราคาถูกระวังได้แต่รูป แนะตรวจสอบให้ดี
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปราม จับกุม นายพีรศิลป์ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาหลอกขายสินค้ามือสอง เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถไถนา รถเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพ่อวัวพันธ์บลามันห์ โดยเปิดขายสินค้ามาแล้วประมาณ 3 ปี แต่ไม่เคยมีผู้เสียหายรายใดได้รับสินค้าตามที่ตกลงซื้อขาย ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประชาชนทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายจำนวนหลายล้านบาท โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหาจะโพสต์ขายรถยนต์ในเพจเฟซบุ๊กรถหลุดจำนำหลักหมื่น ซึ่งมีการโพสต์ประกาศซื้อขายรถยนต์หรูและรถต่าง ๆ วันละไม่ต่ำกว่า 30 – 40 คัน ในราคาถูกกว่าท้องตลาดมากโดยอ้างว่าเป็นรถหลุดจำนำ สามารถซื้อไปใช้งานได้ถูกต้องตามกฎหมายและต่อภาษีประจำปีได้ แต่จากการตรวจสอบพบว่ารถยนต์ที่ประกาศขาย มีการใช้แผ่นป้ายทะเบียน
และแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีปลอม
จึงขอเตือนประชาชนที่มีความประสงค์ซื้อรถผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ว่าควรเลือกซื้อรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ มีสมุดคู่มือการจดทะเบียนหมายเลขตัวถัง หมายเลขเครื่องยนต์ ไม่มีการขูดลบ แก้ไข และตรงตามคู่มือการจดทะเบียน มีเอกสารชุดโอนกรรมสิทธิ์ครบถ้วน และควรมีการทำสัญญาซื้อขายที่มีการลงลายมือชื่อทั้งฝ่ายผู้ขายและผู้ซื้อ หากเกิดกรณีมีปัญหาภายหลัง สามารถใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีทางกฎหมายได้ และเมื่อตกลงซื้อขายรถกัน ควรนัดไปแจ้งโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมการขนส่งทางบกให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง
ทั้งนี้ หากไม่อยากตกเป็นเหยื่อถูกฉ้อโกงหลอกขายรถ ควรตั้งสติอย่าเห็นแก่รถที่นำมาโฆษณาในราคาถูก และอย่ารีบโอนเงิน ควรตรวจสอบรายละเอียดเบื้องต้นของผู้โพสต์ขายว่าเป็นบัญชีสื่อสังคมออนไลน์จริงหรือบัญชีอวตาร (บัญชีที่สร้างขึ้นมาเพื่อก่ออาชญากรรมออนไลน์) และให้นำชื่อ,หมายเลขบัญชีธนาคาร ,หมายเลขโทรศัพท์และรายละเอียดของผู้ขายทั้งหมด ไปตรวจสอบในเว็บไซต์ Search engine เช่น Google ว่าเคยมีประวัติการโกงหรือไม่อย่างไร และไม่ควรซื้อรถมือสองจากเพจเฟซบุ๊กที่มีการโฆษณาขายรถในลักษณะ รถหลุดจำนำ รถหนีไฟแนนซ์ ฯ เนื่องจากรถที่นำมาประกาศขายมักเป็นรถที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news