งามไส้ จตช.สั่งฟันวินัย อาญา สารวัตรคลั่ง ใช้อาวุธปืนสงครามข่มขู่ ทำร้ายชาวบ้าน
พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช.ได้เปิดเผยกรณีในโลกโซเชียลเผยแพร่คลิปภาพชายลักษณะคล้ายคนมึนเมา คลุ้มคลั่งก่อเหตุข่มขู่ ชกต่อยทำร้ายร่างกายผู้คน รวมทั้งได้นำอาวุธปืนยาวคล้ายอาวุธสงครามออกมาจากรถหันปากกระบอกปืนจ่อไปที่ประชาชน จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ และหากเป็นตำรวจกระทำโดยเหมาะสมหรือไม่โดยใช้หัวข้อว่า “เป็นตำรวจแล้วไง คิดจะทำอะไรก็ได้เหรอ”
โดยระบุว่ารับทราบข้อมูลภาพคลิปกรณีดังกล่าวแล้ว จึงได้สั่งการ พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ จตร.( หน.จต.) ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยประสานการปฏิบัติกับผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด โดยให้เร่งดำเนินการโดยด่วน เนื่องจากปรากฏภาพพฤติกรรมที่ชัดเจน เบื้องต้น ทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ พ.ต.ท.ยสพนต์ อายุ 48 ปี ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่ง สารวัตรหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ได้แต่งกายนอกเครื่องแบบ ขับรถยนต์มานั่งในร้านอาหารฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุ และได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาท พร้อมทำร้ายผู้เสียหายจำนวน 2 คน โดยใช้กำลังชกต่อย และใช้อาวุธมีด รวมถึงมีการใช้อาวุธปืนออกมาขู่ตามภาพคลิปที่ปรากฏ เหตุเกิดที่ บริเวณหน้าร้านค้า ใน ต.มหาชัย อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2564 เวลา 17.40 น.
จึงได้สั่งการให้ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการทางวินัยและออกคำสั่งให้ พ.ต.ท.ยสพนต์ ไปประจำ ศปก.เพื่อให้พ้นจากอำนาจหน้าที่เดิม ในระหว่างรอผลการสอบสวนทั้งคดีอาญาและคดีวินัย โดยกำชับให้ออกคำสั่งภายในวันนี้ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่ไม่ปกป้องตำรวจที่กระทำผิด และให้ดำเนินการอย่างอย่างรวดเร็วและตรงไปตรงมาในทุกกรณี
ล่าสุด หลัง จตช.สั่งการดังกล่าว ทาง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก ได้ออกคำสั่งให้ พ.ต.ท.ยสพนต์ฯ มาประจำ ศปก.ภ.จว.พิษณุโลก ตามคำสั่งที่ 293/2564 และสั่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทางวินัย ตามคำสั่งที่ 298/2564 ลงวันที่ 22 ก.ย.2564 โดย พล.ต.อ.วิสนุฯ ได้กำชับให้ ดำเนินการทางอาญาและวินัยด้วยความเด็ดขาดตามนโยบาย ผบ.ตร. โดยให้รายงานความคืบหน้าให้ทราบทุกระยะ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news