191 จับยาอีล็อตใหญ่2 แสนเม็ดคาดกลับมานิยมอีก เชื่อไม่โยงรับเปิดประเทศ -จับตาธุรกิจกลางคืน
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกันแถลงจับกุมคดียาเสพติดรายใหญ่ ยึดของกลางยาบ้ากว่า 9.6แสนเม็ด และยาอีเกือบ 2 แสนเม็ด เฮโรอีน 38 กิโลกรัม และไอซ์ 3 กิโลกรัม รวมทั้งรถยนต์ 2 คันที่ใช้ลำเลียงยาเสพติด มูลค่ากว่า 150 ล้านบาทโดยถูกตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 ยึดได้จากผู้ต้องหาที่กำลังลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้ามาพื้นที่ภาคกลาง
พล.ต.ต.นิธิธร เปิดเผยว่า ตำรวจชุดสืบสวน ได้รับแจ้งว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากเข้ามาในประเทศ จึงเฝ้าติดตามกลุ่มผู้ต้องหาจากการขยายผลในคดีก่อนหน้านี้พบว่ามีผู้ต้องหาได้ออกจากจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อไปรับยาเสพติดที่จังหวัดมุกดาหาร โดยใช้รถกระบะตู้ทึบบรรทุกยาเสพติดเข้ามาตำรวจจึงเฝ้าติดตามพฤติกรรมและพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาใช้รถกระบะ 2 คันก่อเหตุ โดยคันแรกเป็นรถที่คอยแจ้งด่านตรวจระหว่างทาง เมื่อขับมาถึงอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา รถเป้าหมายเริ่มไหวตัว พยายามขับรถหลบหนีเจ้าหน้าที่จึงติดตามมาถึงอำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี ก่อนทิ้งรถหลบหนี เมื่อเปิดในรถจึงเจอยาเสพติดดังกล่าว ส่วนรถอีกคันที่ทำหน้าที่ขับนำทางขับหลบหนีไปในไร่อ้อย อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ พบผู้ต้องหาเพียงคนเดียวคือนางสาวอังควิภา การบรรจง อายุ 20 ปี อ้างว่านั่งรถติดตามมาด้วย ส่วนคนขับรถหลบหนีไปได้
สำหรับยาเสพติดในล๊อตนี้ พบว่ายาอีที่มีลักษณะใหม่ ตัวยาอัดแน่นมากกว่าเดิม น่าเชื่อว่านำเข้ามาจากต่างประเทศที่ไม่ใช่ประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนผู้ต้องหากลุ่มนี้เดินทางมา 5 คน จับได้เพียง 1 คน และอ้างว่าจะนำส่งไปให้เครือข่ายในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวด้วยว่ายาอีล็อตนี้ถือเป็นล๊อตใหญ่ที่กลับมาจับกุมได้อีก แสดงว่าในหมู่นักเที่ยวกลับมานิยมอีกครั้ง ส่วนเครือข่ายยาเสพติดหวังลักลอบนำเข้ามาเพื่อรองรับการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้หรือไม่ ระบุว่าไม่อยากให้มองแบบนั้น เพราะการเปิดประเทศเป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวดีดีเข้ามาท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าขาย แต่อย่างไรก็ดีจากนี้ตำรวจก็จะเฝ้าจับตาดูธุรกิจกลางคืน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news