ตร. เผย โกง “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เสียหายกว่า 100 ล้านบาท ยอมความไม่ได้ ลั่น ดำเนินคดีถึงที่สุด
วันนี้ (15 พ.ย. 64) ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) พร้อม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง.ผบก.ป. ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำสำนวนพร้อมผู้ต้องหาคดีทุจริตโครงการ ”เราเที่ยวด้วยกัน” เกือบ 150 ราย ส่งอัยการสั่งฟ้อง ระบุว่า จากการที่รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อส่งเม็ดเงินไปสนับสนุนเศรษฐกิจทั่วประเทศ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงแรม ร้านค้าร่วมโครงการ และประชาชน
พล.ต.ท.ชยพล กล่าวว่า กรณีดังกล่าว มีประชาชนบางกลุ่มใช้วิธีการฉ้อฉล โดยผู้ประกอบการหรือประชาชนบางกลุ่มจะมีการนำสำเนาบัตรประชาชนพร้อมหมายเลขบัตรประชาชนมาทำการลงทะเบียนแอปพลิเคชันถุงเงิน และเป๋าตัง เพื่อเปิดใช้สิทธิ์จากโครงการดังกล่าว แล้วนำเงินที่รัฐบาลสนับสนุนไปใช้จ่ายเป็นค่าตอบแทนแลกเปลี่ยนเป็นจำนวนเงิน โดยที่ไม่ได้มีการเข้าไปพักในโรงแรมหรือซื้อของในร้านค้าแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผู้ต้องหาบางรายได้มีการแลกเงินจากโครงการดังกล่าวเพียง 100 ถึง 150 บาทเท่านั้น ซึ่งตนคิดว่าไม่คุ้มเป็นอย่างมากที่จะถูกดำเนินคดีจากการกระทำดังกล่าว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงแจ้งความกับกองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าทาง ตร. จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทุกรายอย่างเด็ดขาด รวมทั้งฝากเตือนโรงแรม ร้านค้า และประชาชน ว่าอย่าทำพฤติการณ์ดังกล่าวซ้ำอีก
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ ระบุว่า ผู้รวบรวมสิทธิ์มีการนำบัตรประชาชนและเลขบัตรประชาชนเข้าระบบลงทะเบียนตามปกติเพื่อใช้สิทธิ์ ซึ่งทุจริตโดยการไม่ได้เดินทางเข้าพักในโรงแรมจริง และไม่ได้มีการซื้อสินค้าตามจริง โดยสำหรับคดีนี้รัฐบาลเป็นผู้เสียหายโดยตรง ซึ่งผู้ต้องหามีการทุจริตโกงเงินงบประมาณของรัฐบาล โดยตำรวจจะดำเนินคดีผู้ต้องหาทุกราย เนื่องจากเป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้ และมีโทษหนักอาจติดคุกหลายปี
สำหรับคดีทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกันดังกล่าวจังหวัดชัยภูมิ มูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นราว 70 ล้านบาท และจังหวัดภูเก็ต มูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นราว 20 ล้านบาท โดยขณะนี้มีการร้องทุกข์กับ ตร. แล้วกว่า 1,000 คดี ซึ่งทุกคดีจะมีการดำเนินทางกฎหมายทุกราย
ส่วนโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟสสาม ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์เข้ามาแต่อย่างใด แต่มีการแจ้งเบาะแสแล้วว่าพบการทุจริต อย่างไรก็ตาม ฝากเตือนประชาชนว่าการกระทำดังกล่าวคุ้มหรือไม่ กับคดีความที่ได้รับมา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news