คันนายาวห่วงใยปชช.เตือนระมัดระวัง 5 จุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางถนน
นายกรณิศ บัวจันทร์ ผู้อำนวยการเขตคันนายาว แจ้งว่าเขตฯได้เดินเท้าตรวจพื้นที่สำรวจสภาพถนน พบว่ามีจุดเสี่ยงอันตราย และจุดที่มีแนวโน้มที่อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ พร้อมประชาสัมพันธ์บอกกล่าวให้ผู้ใช้เส้นทาง มีความระมัดระวัง รวมทั้งหาแนวทางในการแก้ไขปรับปรุงจุดเสี่ยงอันตราย หรือจุดที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดอันตรายทางถนน ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามี 5 จุดด้วยกัน โดยจุดเสี่ยงดังกล่าว ประกอบด้วย
จุดถนนรัชดา-รามอินทรา บริเวณแยกหน้าตลาดขายต้นไม้ ปัญหาที่พบ คือประชาชนขับรถโดยประมาทใช้ความเร็ว จึงเป็นจุดที่เกิดการเฉี่ยวชน แนวทางแก้ไขโดยการตีเส้นจราจรแบ่งเลนถนนให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ขับขี่มีความระมัดระวังและมีป้ายเตือนให้ชะลอความเร็ว, จุดถนนเสรีไทย บริเวณกลับรถหน้าบริษัทมนตรีทรานสปอร์ต เนื่องจากช่วงกลางคืนจะมีแสงสว่างไม่เพียงพอ ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วสูง ไม่ชะลอความเร็วเมื่อถึงทางร่วมทางแยกบริเวณดังกล่าว
แนวทางแก้ไขเพิ่มไฟส่องสว่างบริเวณจุดกลับรถและทำป้ายเตือนชะลอความเร็ว, ถนนเสรีไทย บริเวณ สี่แยกอมรพันธ์ ถนนเสรีไทยตัดถนนสวนสยาม จุดนี้ผู้ขับขี่ชอบจอดหรือหยุดรถล้ำเส้นแนวไฟแดง ขับฝ่าไฟแดงและขับย้อนศร แนวทางแก้ไขทำได้โดยตีเส้นจราจรแนวจอดรถให้ชัดเจนและเพิ่มป้ายเตือนห้ามฝ่าสัญญาณไฟจราจร ถ้าฝ่าฝืนจับปรับตามกฎหมายที่กำหนด, ถนนคู้บอน บริเวณปากซอยคู้บอน31 ผู้ขับขี่จะขับรถเร็วเกินกำหนด โดยขับรถประมาท แนวทางแก้ไขติดตั้งป้ายเตือน จุดเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และจุดสุดท้าย ถนนรามอินทรา บริเวณปากซอยรามอินทรา 67/1 จุดนี้ผู้ขับขี่ จะขับรถเร็วเกินกำหนด ขับรถโดยประมาท แนวทางแก้ไขติดตั้งป้ายเตือนจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ผู้อำนวยการเขตคันนายาว แจ้งเพิ่มเติมว่า เพื่อลดปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณ 5 จุดเสี่ยงดังกล่าว
จึงขอให้ผู้ขับขี่ที่ใช้เส้นทางผ่านทั้ง 5 จุด เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนให้มากขึ้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตนเองและเพื่อนร่วมทาง ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาและเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนที่ใช้เส้นทาง ดังกล่าว เขตฯจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา ในส่วนที่สามารถดำเนินการได้เอง และจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรีบดำเนินการในส่วนที่หน่วยงานนั้นๆรับผิดชอบต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news