คุมได้แล้ว! น้ำมันรั่วทะเลมาบตาพุด
คุมได้แล้ว! น้ำมันรั่วในทะเลมาบตาพุด ระยอง เหลือ 5.3 ตัน ด้านจนท.เร่งกำจัด หวั่นซัดเช้าชายฝั่ง คาดวันนี้กำจัดได้หมด
จากรณีน้ำมันดิบรั่วใต้ทะเล ของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รั่วไหลบริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ตามที่บริษัทฯ ได้แจ้งเหตุน้ำมันดิบรั่วบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งทำเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อเวลาประมาณ 21.06 น. ของวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยมีรายงานปริมาณน้ำมันดิบไหลลงทะเล จำนวน 128 ตัน (160,00 ลิตร) คิดเป็น 0.04% ของน้ำมันในเรือ ขณะที่เรือมีความจุประมาณ 3.2 แสนตัน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า หากไม่มีการควบคุมคราบน้ำมันจะขึ้นฝั่งที่หาดแม่รำพึงซึ่งสามารถควบคุมได้ประกอบเป็นน้ำมันเบาซึ่งการควบคุมจะง่ายกว่าน้ำมันหนักแบบที่เกิดเหตุในปี พ.ศ.2556 ที่ยากต่อการจัดการ
ทั้งนี้ ได้มีการฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมันเพื่อเร่งการสลายคราบน้ำมันตามธรรมชาติได้เร็วขึ้น หากมีการพัดพาของคราบน้ำมันไปยังชายฝั่งและจะมีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันประชาชนได้รับผลกระทบ ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด (27 ม.ค.) สำหรับปฏิบัติการควบคุมและกำจัดคราบน้ำมัน ทางบริษัทฯ แจ้งว่าสามารถควบคุมปริมาณคราบน้ำมันให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว แต่ยังคงมีปริมาณน้ำมันอยู่ในทะเลประมาณ 5.3 ตัน
ขณะที่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ โดยได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีนี้แล้ว ได้แก่ กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสอบสวนสาเหตุและปริมาณน้ำมันดิบรั่วไหล รวมถึงแนวทางแก้ไขปัญหาในอนาคต
โดยนายสาธิต ระบุว่า ก่อนหน้านี้เป็นกังวลเรื่องปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลว่ามีมากเพียงใด จะควบคุมได้หรือไม่ แต่หลังรับฟังการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ จึงมั่นใจได้ว่าปริมาณที่เหลืออยู่ในขณะนี้จะไม่ส่งผลกระทบ ซ้ำรอยปี 2556ทั้งนี้ คาดว่าเหตุน้ำมันรั่วไหลในทะเลครั้งนี้จะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในวันนี้ พร้อมย้ำว่า บริษัทต้องรับผิดชอบดูแลเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews