เหยื่อร้องทนายษิทรา ช่วยหลังถูก “จ.ส.ต.” กับพวกรวม 4 นาย ไล่ยิงรถอ้างจับต่างด้าว แจ้งความแล้วแต่คดีไม่คืบไม่มีการรับผิดชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯพร้อมด้วย น.ส.วาเศรษฐี (สงวนนามสกุล) และนายธนยศ (สงวนนามสกุล) สองสามีภรรยา ผู้เสียหายแถลงข่าว กรณีที่มีผู้ใช้งาน tiktok รายหนึ่งโพสต์คลิปวีดีโอความยาวประมาณ 1 นาที 20 วินาที ระบุว่า โดนไล่ยิงขณะจับรถกลางดึก ซึ่งในรถมีเด็ก 2 คน เป็นเด็กชาย อายุ 1 ขวบ 3 เดือน และเด็กหญิง อายุ 7 ขวบ อยู่ด้วย ซึ่งต่อมาผู้เสียหายได้โพสต์คลิปเพิ่มเติม มีความยาว 4 นาที เป็นช่วงเวลาที่ขับรถหนีการไล่ล่าของรถยนต์ปริศนา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับตามประกบไม่ห่างและ มีเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด เหตุเกิดคืนวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ผู้เสียหายเล่าว่า วันเกิดเหตุมีอยู่ด้วยกัน 5 คน คือ เป็นผู้ใหญ่ 3 คน และเด็ก 2 คน ซึ่งเป็นเด็ก เหตุเกิดขณะขับรถตู้กลับจากขายมันสำปะหลังที่ อ.บางสะพาน เพื่อกลับบ้านที่อ.ปราณบุรี ระหว่างทางเมื่อถึงอ.สามร้อยยอด มีชาย 4 คน ขับรถยนต์สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ได้จอดรถแล้วนำไฟฉายมาส่องรถของตนเองเพื่อให้จอดรถ แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นที่เปลี่ยวและมืด เกรงว่าจะได้รับอันตรายจึงขับรถหนี จากนั้นกลุ่มชายดังกล่าว ก็ได้ขับรถไล่ตามปาดหน้าและใช้อาวุธปืนยิงใส่ประมาณ 6 นัด จึงพยายามขับรถหนีสุดชีวิต ก่อนจะไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่ป้อมตำรวจสายตรวจลุ่มโพธิ์ ในอ.ปราณบุรี แต่ไม่มีตำรวจอยู่
กลุ่มชายดังกล่าวก็ยังขับรถตามมาจนถึงป้อมดังกล่าว แล้วหยิบอาวุธปืนลงมาจ่อที่ศรีษะและข่มขู่อ้างว่าเป็นตำรวจ และถามว่าตนเองหนีทำไม ด้วยความกลัวจึงบอกให้กลุ่มชายดังกล่าวไปพบกันที่ปั๊มน้ำมันนาห้วย แต่ไม่ยอมขับตามไป จึงฉวยโอกาสขับรถหนี จนไปเฉี่ยวชนรถของกลุ่มชายดังกล่าว ก่อนไปที่ปั๊มน้ำมัน จากนั้นจึงได้แจ้งตำรวจ สภ.ปราณบุรี ให้มาตรวจสอบ เพราะเกรงว่ากลุ่มชายดังกล่าวอาจเป็นมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นตำรวจ เพื่อก่อเหตุกับผู้ที่ขับรถสัญจรไปมาในบริเวณดังกล่าว
เบื้องต้น จากการไปตรวจสอบของตำรวจ สภ.ปราณบุรี พบชิ้นส่วนรถของกลุ่มชายดังกล่าวตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนนายธนยศ ก็ได้ไปแจ้งความทันทีหลังจากเกิดเหตุ แต่จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า ต่อมาหนึ่งในผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นตำรวจยศจ่าสิบตำรวจ สังกัด สภ.สามร้อยยอด ได้ติดต่อมาเข้าพบผู้เสียหายเพื่อขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบอกว่าในวันเกิดเหตุได้ร่วมกับอาสาฯเพื่อขอตรวจค้นแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เกิดความตกใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบุตรสาว อายุ 7 ขวบ ที่ยังหวาดผวาเวลาได้ยินเสียงแตรรถ ส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก จึงยืนยันจะเอาผิดให้ถึงที่สุด
ด้าน นายษิทรา กล่าวว่า จากการสอบถามข้อเท็จจริงพบว่า ทางผู้เสียหายไม่ได้มีพฤติการณ์อันน่าสงสัยที่จะต้องขอตรวจค้น หรือแม้ว่าตำรวจจะขอตรวจค้น ก็ไม่ควรใช้วิธีการเช่นนี้ เพราะทำให้เกิดความตกใจกลัว ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ , ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต , ยิงปืนและใช้อำนาจโดยมิชอบ และหน่วงเหนี่ยวกักขัง โดยจากนี้จะพาผู้เสียหายไปยื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและเร่งรัดคดีที่ไม่มีความคืบหน้าด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews