Home
|
อาชญากรรม

ลุงร้อง! จ้างทนายสู้คดีถูกฟ้องเบี้ยวเงิน แต่แพ้คดี

Featured Image
สุดช้ำ! ลุงวัย 71 ปีถูกเจ้าหนี้ฟ้องเบี้ยวคืนเงินล้านทั้งที่คืนครบแล้ว จ้างอดีตทนายแม่สู้คดีแต่ศาลตัดสินแพ้เพราะขาดยื่นคำให้การ

 

นายสังเวียน คัมภิราบุตร อายุ 71 ปี เข้าปรึกษา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หลังถูกศาลแพ่งตัดสินแพ้คดีต้องชดใช้เงินเป็นจำนวน 1.7 ล้านบาทให้กับเจ้าหนี้ เมื่อปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา

 

โดยนายสังเวียน เล่าว่า ตนเองได้นำที่ดินไปจำนองและกู้ยืมเงินจากนายทุนรายหนึ่ง เป็นจำนวนเงิน 1.4 ล้านบาท โดยนายทุนได้เขียนสัญญากู้ยืมเป็น 2 ฉบับ ฉบับละ 1 ล้านบาท แต่ได้สอบถามแล้วฝ่ายนายทุนอ้างว่าไม่เป็นไรคนกันเอง จากนั้นตนเองก็มีการชดใช้หนี้มาต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายปี กระทั่งชำระหนี้รวมทั้งต้นและดอกเบี้ยกว่า 2 ล้านบาท โดยแต่ละครั้งก็มีการเซ็นชื่อและมีหลักฐานการชำระหนี้ไว้เป็นหลักฐาน

 

 

กระทั่งเมื่อปี 2565 ตนเองได้รับหมายศาลถูกฟ้องแพ่งตกเป็นจำเลยฐานไม่ชำระหนี้ตามกฎหมาย ซึ่งตนเองรู้สึกตกใจ แต่ก็ได้มาศาลตามนัดโดยนัดแรกยังไม่มีทนายความ ซึ่งศาลได้แนะนำให้ตนเองหาทนายความมาสู้คดีแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร กระทั่งได้เจอกับ ทนายคนหนึ่งซึ่งเป็นอดีตทนายความแม่คดีแตงโม เข้ามาพูดคุยและอาสา จะเป็นทนายความให้ โดยตกลงค่าทนาย 35,000 บาท และเงินวางประกันศาล 20,000 บาท จากนั้นทุกครั้งเมื่อศาลนัดซึ่งตนเองได้มาตามนัดทุกครั้ง แต่ทนายกลับไม่ยอมให้ตนเองเข้าไปฟังในห้องพิจารณา กระทั่งวันที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาตัดสินให้ตนเองแพ้คดี ต้องชดใช้เงินให้แก่โจทก์ 1.7 ล้านบาท

 

โดยคำพิพากษาระบุว่าจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การต่อศาลและไม่ปรากฎเอกสารสำคัญที่แสดงว่าตนเองมีการชำหนี้จนครบในวันอ่านคำพิพากษา โดยมีเวลายื่นอุทธรณ์ต่อศาลเป็นเวลา 30 วัน ซึ่งตนไม่รู้จะอย่างไรเพราะตั้งแต่ศาลตัดสินทนายคนดังกล่าวก็ไม่ได้ติดต่อมา จึงพยายามหาเบอร์ติดต่อและเข้ามาที่สำนักงานของทนายษิทรา โดยหาข้อมูลจากกูเกิ้ล เพื่อขอให้ช่วยเหลือ

 

ด้านทนายษิทรา กล่าวว่าจากที่ได้อ่านคำพิพากษาของศาลเบื้องต้น ยอมรับว่าการยื่นอุทธรณ์สู้คดีน่าจะทำได้ยากเพราะในชั้นต้นฝ่ายจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การหรือนำพยานหลักฐานสู้คดี แต่เมื่อดูคำเบิกความของฝ่ายโจทก์พบว่าคนขึ้นเบิกความเป็นคนเดียวกับที่เซ็นชื่อในเอกสารการชำระหนี้ แต่มาขึ้นเบิกความว่าลุงสังเวียนไม่เคยชดใช้หนี้ จึงเข้าข่ายเป็นการเบิกความเท็จต่อศาล จึงขอให้ลุงสังเวียนไปขอคัดสำเนาคำพิพากษาอย่างละเอียดและสู้ในคดีอาญาต่อไป

 

ทั้งนี้ ทนายษิทรา ยังฝากไปถึงประชาชนว่า หากตกเป็นจำเลยในคดี ฝ่ายจำเลยหรือฝ่ายผู้เสียหายมีสิทธิ์ที่จะเข้าไปฟังในห้องพิจารณาคดีได้ทุกครั้ง เพื่อจะได้เห็นว่าทนายความว่าความหรือสู้คดีให้อย่างเต็มที่หรือไม่หรือมีอะไรผิดพลาดก็สามารถทักท้วงได้ ส่วนกรณีนี้ตนเองไม่ทราบว่าเหตุใดทนายคดีนี้ถึงไม่ยอมให้ลูกความเข้าไปฟัง ซึ่งมองว่าอาจผิดมรรยาททนายความได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่านอกจากค่าจ้างในการว่าความคดีแล้ว ทนายคนดังกล่าวยังได้ขอยืมเงินลุงสังเวียน 2 ครั้ง คือ ครั้งแรก 1หมื่นบาท ซึ่งได้โอนคืนแต่ครั้งที่ 2 ได้ขอยืมอีก 25,000บาท แต่ลุงให้ยืม 20,000บาท และยังไม่มีการชำระคืนแต่อย่างใด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube