Home
|
อาชญากรรม

ผบ.ตร.มั่นใจดำเนินคดี มือฆ่า 2 สามี-ภรรยาพร้อมลูกแฝด ได้แน่นอน

Featured Image
ผบ.ตร. มั่นใจดำเนินคดี “สันติ” มือฆ่า 2 สามี-ภรรยาพร้อมลูกแฝดยัดศพใส่รถที่ไต้หวันได้แน่นอน พร้อมเตรียมตั้งข้อหาฆาตกรรมในไทยได้ พร้อมส่งกำลังตรึงแนวชายแดนหวั่นหลบหนี

 

 

 

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีที่คนไทยฆ่า 2 สามีภรรยาและลูกแฝดในท้องรวม 4 ศพ แล้วนำไปทิ้งท้ายรถเอสยูวี BMW X4 บริเวณลานจอดรถสถานีรถไฟความเร็วสูงเถาหยวนในไต้หวัน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะหลบหนีเข้าประเทศไทย ว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ให้ข้อมูลและประชุมร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอความร่วมมือติดตามจับกุมนายสันติ อายุ 35 ปี ที่ก่อเหตุฆ่า 2 สามีภรรยา ซึ่งเป็นหุ้นส่วนธุรกิจของนายสันติ เสียชีวิตพร้อมลูกฝาแฝดอายุในครรภ์ 5 เดือน จากนั้นยัดศพใส่รถยนต์จอดทิ้งที่สถานีรถไฟความเร็วสูงเขาหยวน ไต้หวัน และได้หลบหนีกลับเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา

 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม สอบปากคำและตรวจสอบพยานหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ไต้หวันอยู่ ส่วนที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตไปร้องกับตำรวจภูธรภาค 5 ก็จะนำมารวมคดีให้กองบังคับการปราบปรามดำเนินการเป็นเจ้าของคดี และนำหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ไต้หวันไปขอศาลอนุมัติหมายจับ ซึ่งยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุแน่ชัด

 

ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหามีถือสัญชาติ ไทย-ไต้หวัน ทางตำรวจสันติบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปตรวจสอบ แต่เบื้องต้นหากมีสัญชาติไทย ซึ่งสามารถดำเนินคดีได้ตามกฎหมายไทย ในข้อฆาตกรรม แต่จะต้องพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง รวมถึงอาจพิจารณาดำเนินคดีกรณีใช้มากกว่า 1 สัญชาติด้วย พร้อมยืนยันว่าได้สั่งการในส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว รวมถึงการป้องกันไม่ให้ผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศด้วย

 

สำหรับนายสันติ มีภูมิลำเนาอยู่ในตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดยย้ายมาจากอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่เมื่อปี 2564 และพบประวัติการกระทำผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2559 ข้อหาขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น ในพื้นที่ สภ.เมืองเชียงใหม่

 

โดยศาลชั้นต้นพิพากษาปรับ 5,000 บาท และสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่มีกำหนด 6 เดือน ต่อมาได้ตามผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเพื่อน ไปทำงานที่ไต้หวัน ในลักษณะหุ้นส่วนธุรกิจ ก่อนจะเกิดเหตุดังกล่าว โดยมีรายงานว่าตำรวจไต้หวันคาดการณ์ว่ามูลเหตุจูงใจมาจากความขัดแย้งด้านธุรกิจและผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกัน

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube