พี่ชายสาวท้องแฝดถูกฆ่าในไต้หวัน ติดตามความคืบหน้าคดีที่ตร. หลังศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัย เชื่อเผ่นหนีไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
นายยิ่งยศ แซ่หลี่ อายุ 38 ปี พี่ชายของน.ส.พจนีย์ แซ่หลี อายุ 35 ปี ผู้เสียชีวิตที่ถูกนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน อายุ 35 ปี ฆาตกรรมทิ้งศพไว้ท้ายรถยนต์ที่ไต้หวัน เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีหลังจากศาลอาญาออกหมายจับนายสันติแล้ว
นายยิ่งยศ กล่าวว่า นายสันติ เป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจน โดยเฉพาะมูลเหตุที่เกี่ยวข้องกับการยืมเงินของผู้เสียชีวิตเป็นเงิน 8 แสนบาท และสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 15 บาท และยังไม่ได้คืน ก่อนหน้านี้มีการทวงถาม โดยให้ทนายความเข้ามารับรู้และเป็นคนกลางในการเจรจา โดยใช้วิธีโทรศัพท์ทั้งสามฝ่ายไปหาที่ไต้หวัน
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 20.00 น. ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับน้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย โดยน้องสาวยังบอกว่ากำลังจะพาแม่ กับน้องสาวไปหาหมอและจะไปเจรจาเรื่องทรัพย์สิน เนื่องจากนายสันติ เป็นคนนัดหมายให้ไปหา จึงได้เดินทางไปกับสามี ส่วนตัวก็ได้กำชับให้ระมัดระวังตัว เนื่องจากมีการเจรจามานานแล้วแต่ยังไม่ได้เงินคืน หลังจากนั้นก็เกิดเหตุ และมาทราบอีกครั้งว่าหลบหนีเข้าประเทศไทย
และยังเชื่อว่านายสันติไม่ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียว เนื่องจากผู้เสียชีวิตมี 2 คน และมีร่างกายค่อนข้างใหญ่ การจะถูกอุ้มขึ้นรถคงเป็นเรื่องยาก และนายสันติ ก็เป็นคนที่มีเพื่อน และรู้จักบุคคลอื่นจำนวนมาก เชื่อว่าจะมีการช่วยเหลือ และวางแผนก่อเหตุ เนื่องจากเมื่อเกิดเหตุแล้วใช้เวลาเพียง 8 ชั่วโมง ก็ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับไทย ก่อนที่จะมีรถยนต์ของครอบครัวมารับที่สนามบิน
นายยิ่งยศ กล่าวว่า สำหรับเบาะแส หลังจากนายสันติกลับไทยแล้ว มีผู้พบเห็นว่าอยู่ในหมู่บ้านที่อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ และก็เชื่อว่าหลบหนีไปประ เทศเพื่อนบ้านแล้ว เนื่องจากครอบครัวของนายสันติ เป็นคนกว้างขวางในพื้นที่ และบ้านยังอยู่ไม่ไกลจากชายแดน หากต้องการออกไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ทั้งนี้ส่วนตัวรู้จักกับนายสันติ เป็นอย่างดีเมื่อครั้งที่อยู่ในไทย รวมทั้งน้องสาวยังเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถมศึกษา ก่อนที่จะชักชวนกันไปทำงานที่ไต้หวัน โดยไปขายอาหาร ผลไม้ให้กับแรงงาน รวมทั้งเป็นผู้แนะนำคนไทยที่สนใจไปทำงานที่ไต้หวันว่าควรติดต่อกับบริษัทใด
ทั้งนี้ ยังฝากถึงนายสันติ ที่อ้างว่าเป็นผู้ถูกกระทำจึงต้องก่อเหตุฆาตกรรม หากเห็นว่าตัวเองไม่ใช่เป็นผู้ก่อเหตุก็ขอให้ออกมาชี้แจงความจริงหรือมอบตัวที่สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งยืนยันว่าที่นี่มีความปลอดภัย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews